แบงก์-นอนแบงก์
แบงก์ออมสิน โชว์กำไร 11 เดือน กว่า 2 หมื่นล้าน สินเชื่อโตกว่าเป้าเกือบ 200% คาดปี 57 กำไรสุทธิแตะ 24,000 ล้านบาท


ธนาคารออมสิน เผยผลประกอบการ 11 เดือนปี 2557 มีกำไรสุทธิ 20,436 ล้านบาท โดยมาจากการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อ การติดตามและปรับปรุงคุณภาพหนี้ ทำให้มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,333 ล้านบาท ส่งผลให้สินเชื่อรวมมีปริมาณกว่า 1.81 ล้านล้านบาท ด้านภารกิจ   การออม มุ่งกระตุ้นการออมต่อเนื่อง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย คาดสิ้นปีมีกำไรสุทธิ 24,000 ล้านบาท พร้อมทั้งย้ำภารกิจ ปี 2558 ส่งเสริมการออมอย่างยั่งยืนควบคู่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล ทั้งสินเชื่อ Micro SME และ สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์

 

 
 
 
ดร.ธัชพล กาญจนกูล รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยผลประกอบการธนาคารออมสินในช่วง 11 เดือน ปี 2557 (1 มกราคม – 30 พฤศจิกายน 2557) ว่า มีกำไรสุทธิหลังหักโบนัสจำนวน 20,436 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปี 2557 จำนวน 19,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 107.56% ส่วนสำคัญมาจากรายได้ดอกเบี้ยจากการขยายตัวของสินเชื่อ รวมทั้งความสำเร็จในการบริหารสินทรัพย์และหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการติดตามและปรับปรุงคุณภาพหนี้  ให้ดีขึ้น ส่งผลให้ระยะ 11 เดือนของปี 2557 มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 51,189 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,333 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2557 มีเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น 1,814,370 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 168,812 ล้านบาท
 
โดยที่การขยายตัวของสินเชื่อในปีนี้นั้น ปรากฎว่าเพิ่มขึ้นสุทธิ 136,061 ล้านบาท สูงกว่าแผนงานของธนาคาร ที่ตั้งเป้าหมายไว้ 75,500 ล้านบาท หรือสูงกว่าแผน 180.21% โดยมาจากการปล่อยสินเชื่อที่เป็นไปตามนโยบายเพื่อสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะสินเชื่อแก่กลุ่มเศรษฐกิจฐานราก สินเชื่อกลุ่มลูกค้ารายย่อย สินเชื่อเพื่อธุรกิจSMEs ตลอดจนสินเชื่อแก่หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ สินเชื่อบุคคลรายย่อย สินเชื่อเคหะ โดยที่ธนาคารฯ ยังดำรงสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยต่อสินเชื่อรายใหญ่อยู่ที่ร้อยละ 93 : 7
 
ทั้งนี้ ธนาคารฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 3,378 ล้านบาท สูงกว่าแผนงานของธนาคาร ที่ตั้งเป้าหมายไว้ 2,900 ล้านบาท หรือสูงกว่าแผน 116.48% โดยรายได้ด้านนี้ส่วนสำคัญมาจากการบริหาร      พอร์ตลงทุนที่ได้กำไรและเงินปันผลในระดับที่ดี ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 3,590 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 235 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมเงินกู้และค่าธรรมเนียมจากธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ โดย ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2557 ธนาคารฯ มีสินทรัพย์รวม 2,211,188 ล้านบาท ส่วนสภาพคล่องอยู่ในระดับ 130,000 ล้านบาท
 
ขณะที่ ในส่วนของการรับฝากเงิน ภายใต้ภารกิจความเป็นสถาบันเพื่อการออมของธนาคารออมสิน ปรากฏว่า มียอดเงินฝากรวม 1,886,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 130,158 ล้านบาท ส่วนมากเป็นเงินฝากประจำ 3 เดือน เงินฝากประจำ 12 เดือน เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 11 เดือน รวมถึงผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษเพื่อส่งเสริมการออมต่อเนื่อง ได้แก่ “เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษเพิ่มสุข” อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 5.5% ต่อปี “เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 5 เดือน” อัตราดอกเบี้ยจาก 2.20% ต่อปี “เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 11 เดือน” อัตราดอกเบี้ย 2.65% ต่อปี ซึ่งทั้ง 3 ประเภทนี้เป็นเงินฝากยกเว้นภาษีและเปิดรับฝากจนถึงสิ้นปี 2557 นอกจากนี้ยังมี “สลากออมสินพิเศษ 3 ปี” แคมเปญแจกทองคำมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดรับฝากไปจนถึง    วันที่ 30 เมษายน 2558 และ “เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 7 เดือน” อัตราดอกเบี้ย 2.70-2.80% ต่อปี เปิดรับฝาก จนถึงวันที่ 15 มกราคม 2558
 
“ในช่วงไตรมาส 4 มีปริมาณความต้องการสินเชื่อของลูกค้าอย่างมากมาย โดยเพียงแค่ 2 เดือน (ต.ค.-พ.ย.57) รวมแล้วเพิ่มขึ้นสุทธิกว่า 10,000 ล้านบาท ในทุกประเภทสินเชื่อ รวมถึงสินเชื่อตามนโยบายรัฐบาล รวมถึง โครงการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน โครงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยาง ขณะที่สินเชื่อปกติในธุรกิจของธนาคารออมสิน ยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ เงื่อนไข ที่น่าสนใจและตรงกับความต้องการของลูกค้าต่อเนื่อง และคาดว่าเมื่อสิ้นปี 2557 ผลประกอบการของธนาคารออมสินจะมีกำไรสุทธิประมาณ 23,000 – 24,000 ล้านบาท”ดร.ธัชพล กล่าว
 
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนี้ จนส่งผลให้ลูกค้าบางส่วนขาดความสามารถในการชำระหนี้ ธนาคารออมสินได้ผ่อนปรนด้วยมาตรการต่างๆ ได้แก่ มาตรการช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อรายย่อยจนถึงระดับ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ การเมือง ด้วยการลดเงินงวดผ่อนชำระเป็นเวลา 6 เดือน มาตรการบรรเทาเหตุแผ่นดินไหว พักชำระหนี้ลูกค้าเดิมไม่เกิน 6 เดือน ลดเงินงวด/ขยายเวลาผ่อนชำระ ช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างคล่องตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากมาตรการต่างๆ ที่ดำเนินการมาประกอบกับการทำงานอย่างหนักของผู้บริหารและพนักงานที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้อัตราส่วน NPLs ลดลงอย่างต่อเนื่องจนล่าสุด ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2557 อยู่ที่ 1.52% ของสินเชื่อรวม โดยคาดว่า ณ สิ้นปี 2557 จะลดลงเหลือเพียง 1.3 – 1.4%
 
ทั้งนี้ ธนาคารออมสิน ยังคงมุ่งให้ความสำคัญกับการบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างรัดกุมและผ่อนปรนตามความเหมาะสม พร้อมกับเน้นประสิทธิภาพในทุกกระบวนการตามมาตรการแก้ไขหนี้ ซึ่งการแก้ไขหนี้อย่างมีประสิทธิภาพดังกล่าว ธนาคารฯ ได้ดำเนินการควบคู่กับการปล่อยสินเชื่ออย่างเหมาะสมและรัดกุม ปริมาณหนี้ด้อยคุณภาพจึงทยอยปรับลดลง NPLs ลดลง สอดคล้องกับปริมาณสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างสมดุล
 
ดร.ธัชพล กล่าวต่อไปว่า ในปี 2558 ธนาคารฯ จะมุ่งให้ความสำคัญต่อการสนับสนุนเศรษฐกิจ   ฐานรากตามนโยบายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบของสินเชื่อ Micro SME และ สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์   เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาหนี้ครัวเรือน ผ่านสินเชื่อที่ให้วงเงินกู้และเงื่อนที่ผ่อนคลายภายใต้เงื่อนไขที่รัดกุมเหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย โดยเฉพาะกลุ่มรายย่อย พร้อมทั้งการดูแลคุณภาพหนี้เพื่อพัฒนาให้มีศักยภาพเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศต่อไป
 
“ธนาคารออมสินพร้อมที่จะดำเนินการผ่านช่องทางทั้งหมดดังกล่าวอย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจและสังคม อีกทั้งภายใต้ภารกิจของธนาคารออมสินในการมุ่งส่งเสริมการออม และสร้างวินัยทางการเงินในภาคประชาชน ตลอดจนการขยายธุรกรรมทางการเงินที่หลากหลายครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมกับการทำหน้าที่เป็นแหล่งทุนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในระดับฐานราก รวมถึงรองรับความต้องการเข้าถึงแหล่งทุนตามนโยบายรัฐบาล”ดร.ธัชพล กล่าว
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 30 ธ.ค. 2557 เวลา : 08:30:01
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 5:24 am