ผู้อำนวยการธนาคารออมสินคนใหม่ กางแผน GSB New Era 7 ข้อ ปรับภาพออมสินโฉมใหม่ ย้ำความเป็นธนาคารของประชาชน พร้อมขยายธุรกิจชายแดน เพื่อยกฐานะเป็น ผู้นำธนาคารประชาชนแห่งภูมิภาคอาเซียน
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2557 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 24,389 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 128% โดยมาจากการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อ การติดตามและปรับปรุงคุณภาพหนี้ โดยเป็นรายได้จากดอกเบี้ยสุทธิ 55,654 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อรวม 1,802,978 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124,669 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าแผนงานของธนาคาร ที่ตั้งเป้าหมายไว้ 75,500 ล้านบาท หรือสูงกว่าแผน 165.12% และมีสินทรัพย์รวม 2,261,402 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84,501 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับเป้าหมายในปี 2558 ธนาคารจะมุ่งให้ความสำคัญต่อการสนับสนุนเศรษฐกิจ ฐานรากตามนโยบายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบของสินเชื่อ Micro SME และ สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาหนี้ครัวเรือน ผ่านสินเชื่อที่ให้วงเงินกู้และเงื่อนที่ผ่อนปรนเหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย โดยเฉพาะกลุ่มรายย่อย พร้อมทั้งการดูแลคุณภาพหนี้เพื่อพัฒนาให้มีศักยภาพเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ภายใต้แนวทางการดำเนินงาน 7 ด้าน ในการมุ่งสู่ “ธนาคารออมสินยุคใหม่ GSB New Era” ที่ยังเป็นธนาคารของประชาชน และยกระดับการเป็นผู้นำธนาคารประชาชนแห่งภูมิภาคอาเซียน
“ภารกิจแรกคือ การปรับโครงสร้างองค์กรและกระบวนการ มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) เข้าใจความต้องการของลูกค้า เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม โดยให้เข้าไปสู่จิตวิญญาณของลูกค้า (Human Spirit) สร้างความดึงดูดใจเพื่อให้ประทับใจและใช้บริการของธนาคารออมสินไปนานๆ และมีการบอกต่อให้แพร่หลายในวงกว้างมากขึ้นให้มาใช้บริการกับธนาคารออมสิน”
เป้าหมายที่ 2 คือเรื่อง Branding & Marketing เป็นเป้าหมายในการสร้างแบรนด์ที่มีอายุถึง 102 ปี ให้มีความชัดเจนและทันสมัย อยู่ตลอดเวลา เพื่อดึงกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น (Gen Y) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ธนาคารมีอยู่เป็นจำนวนน้อย พร้อมกับสร้างการรับรู้ - จดจำ และเน้นย้ำแบรนด์ “ธนาคารออมสิน” ควบคู่กับการส่งเสริมการออม การพัฒนาสังคม ชุมชน และประชาชน ระดับ ฐานรากให้มีความเข้มแข็ง อีกทั้งดำเนินการปรับรูปแบบสาขา บรรยากาศที่สาขา (Look & Feel) ให้ทันสมัย และพัฒนาแผนการสื่อสารการตลาดแบบ “ผสมผสาน” โดยเฉพาะ สื่อรูปแบบใหม่ๆ อาทิ e-Channel, Social Media, Social Network เป็นต้น
นายชาติชายกล่าวอีกว่า ส่วนเป้าหมายที่ 3 เป็นเรื่อง Product & Service ที่ต้องพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการ พฤติกรรม และ Life Style ที่เฉพาะเจาะจงของลูกค้า มี Product Innovation และ Product Management ที่ดี ปรับโฉมผลิตภัณฑ์ ให้แปลกใหม่และทันสมัย เช่น “MYMO” หรือ Mobile Banking ของธนาคาร มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านบัตรอิเล็คทรอนิกส์ ทั้งบัตรเดบิต บัตรกดเงินสด และบัตรเครดิต โดยยกระดับคุณภาพการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการ (Service Quality) ให้ได้มาตรฐานระดับสากล รวมถึงพัฒนาช่องทางให้บริการใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลา เช่น Internet Banking, Mobile Banking, e-Chanel เป็นต้น
ส่วนด้านที่ 4. เป็นการพัฒนาคน ลงทุนด้านการพัฒนาบุคลากร เพื่อสร้างทักษะความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และมุมมองใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพพนักงานมากกว่า 15,000 คน ภายใต้งบประมาณกว่า 400 ล้านบาท ด้วยหลักสูตรเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจ จำนวน 15 หลักสูตร ที่จะเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถบุคลากรให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง (Change Management) ซึ่งจะทำให้พนักงานมีความเป็นมืออาชีพด้านการบริการ (Sale & Service Excellence) พร้อมให้บริการด้วยใจ และสามารถเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินได้อย่างมืออาชีพ
แนวทางที่ 5 คือ การพัฒนา IT ตอบโจทย์ลูกค้าในยุค Internet และ Smart Device พัฒนาไปสู่ความเป็นดิจิตอล เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายในการรับบริการจากธนาคาร เช่น Internet/Mobile Banking, Payment Online พัฒนาระบบฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อให้ธนาคารู้จักตัวตนของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม (Know you customer) ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์/บริการ และการตัดสินใจ โดยธนาคารออมสินจะต้องมีระบบ IT ที่ทันสมัย เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจแบบลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อมทั้งพัฒนาระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (PCI DSS, ISO 27001)
ส่วนแนวทางที่ 6 คือ การมุ่งเน้น เรื่องค่าธรรมเนียม มุ่งเน้นการบริการทางการเงินแก่ประชาชน เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายในการใช้บริการจากธนาคาร โดยธนาคารออมสินจะเป็น Transactional Banking ผ่านช่องทางที่หลากหลาย ทันสมัย และครอบคลุมทุกพื้นที่
และแนวทางสุดท้าย คือ การกำกับดูแลและการบริหารความเสี่ยง เพิ่มระดับเงินกองทุนให้ใกล้เคียงกับธนาคารพาณิชย์ พร้อมทั้งลดการพึ่งพารายได้ดอกเบี้ย โดยเพิ่มสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ เพื่อให้สามารถรองรับวิกฤติเศรษฐกิจ หรือผลกระทบเชิงลบต่างๆ อีกทั้งต้องบริหารคุณภาพสินทรัพย์และควบคุม NPLs ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งในการบริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่อ จะพัฒนากระบวนการและอำนาจอนุมัติสินเชื่อ พัฒนาเครื่องมือการบริหารความเสี่ยง เช่น B-score, Credit Bureau Score และการบริหารความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ (Operation Risk) เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง ท้ายที่สุดคือมุ่งเน้นการกำกับดูแลกิจการที่ดี เป็นองค์กรแห่งธรรมาภิบาล
“นอกจากนี้ธนาคารกำลังขออนุญาตในเรื่องการลงทุนในภูมิภาค เพื่อรองรับโอกาสในเรื่องเออีซี ซึ่งตามนโยบายธนาคารไม่สามารถออกไปทำธุรกิจในต่างประเทศได้แต่อยู่ระหว่างการขออนุญาต ซึ่งระหว่างนี้ธนาคารจะใช้ช่องทางของสาขาต่างจังหวัดในพื้นที่ชายแดนที่จะพัฒนาให้แข็งแกร่งมากขึ้น”นายชาติชายกล่าว
ข่าวเด่น