หุ้นทอง
บมจ. สาลี่ พริ้นท์ติ้ง (SLP) เริ่มซื้อขายใน ตลาดหลักทรัพย์ฯ 7 พ.ค. นี้




บมจ. สาลี่ พริ้นท์ติ้ง (SLP) ผู้ผลิตฉลากสินค้าและงานพิมพ์คุณภาพสูง พร้อมซื้อขายใน ตลท. 7 พ.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 2,592  ล้านบาท

ดร.สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. สาลี่ พริ้นท์ติ้ง (SLP)  บริษัทย่อยของ บมจ. สาลี่อุตสาหกรรม (SALEE) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน ตลาดหลักทรัพย์ฯ  ในกลุ่มอุตสาหกรรรมสินค้าอุตสาหกรรม หมวดบรรจุภัณฑ์ ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 โดย SLP ประกอบธุรกิจรับผลิตฉลากสินค้าและงานพิมพ์คุณภาพสูงด้วยเครื่องจักรและเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัย ผลิตภัณฑ์ของบริษัทแบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ประกอบด้วย ฉลากสินค้าที่มีกาวในตัว (self adhesive label) ฉลากสินค้าแบบผนึกในแม่พิมพ์บรรจุภัณฑ์ (in-mould label) และงานพิมพ์ผลิตภัณฑ์กระดาษที่ไม่มีกาว (offset printing) ลูกค้าหลักคือ กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและ   ความงาม

SLP มีทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 900 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 300 ล้านหุ้น การเสนอขายหุ้นในครั้งนี้มีจำนวนรวม 420 ล้านหุ้น โดยเป็นการเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นของ บมจ. สาลี่อุตสาหกรรม (SALEE) 126.71 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 20-22 เมษายน 2558 และ เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) 293.29 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 23-24 และ 27 เมษายน 2558 ในราคาหุ้นละ 2.16 บาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 2,592  ล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นายเศวต นราธิปกร กรรมการผู้จัดการ บมจ. สาลี่ พริ้นท์ติ้ง (SLP) เปิดเผยว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้า จดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์ฯ  ครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ ความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้กับบริษัท โดยจะนำเงินจากการระดมทุนไปลงทุนก่อสร้างโรงงานและคลังสินค้า ชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทต่อไป

SLP มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ บมจ. สาลี่อุตสาหกรรม ถือหุ้น 65% บจก. วีไอวี อินเตอร์เคม ถือหุ้น 2.66% และกลุ่มตระกูลอัศวกาญจน์ถือหุ้น 0.96% การกำหนดราคาเสนอขายครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) 27 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสย้อนหลัง (1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2557) เท่ากับ 92.82 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นภายหลังการเสนอขายต่อประชาชนในครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.08 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองตามที่กฎหมายกำหนด

 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 พ.ค. 2558 เวลา : 18:46:46
27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 4:51 am