"เจแอลแอล" เผยมูลค่าซื้อขายอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้าและโรงแรมทั่วโลกไม่ลดลง ยอดพุ่งแตะ 161,000 ล้านดอลลาร์ แม้เกิดวิฤตหนี้ของกรีซและความปั่นป่วนตลาดหุ้นจีน มั่นใจดอกเบี้ยโลกลดลง กระตุ้นนักลงทุนแห่ซื้ออาคารเชิงพาณิชย์    

 แม้จะเกิดวิฤตการณ์หนี้ของกรีซและความปั่นป่วนในตลาดหุ้นของจีน ข้อมูลที่จัดเก็บรวบรวมในเบื้องต้นโดยบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล (โจนส์ แลง ลาซาลล์) แสดงให้เห็นว่า ปริมาณการลงทุนซื้อขายอาคารที่มีประโยชน์การใช้ในเชิงธุรกิจ ได้แก่ อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้าและโรงแรมทั่วโลกในไตรมาส 2 ของปีนี้ มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 161,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว

เมื่อแยกย่อยออกเป็นภูมิภาค พบว่า ภูมิภาคอเมริกามีการลงทุนซื้อขายอาคารที่มีประโยชน์การใช้ในเชิงธุรกิจมากเป็นอันดับหนึ่งในไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยรวมมูลค่าทั้งสิ้น 79,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว และเป็นสถิติของไตรมาส 2 ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีมูลค่าการลงทุนซื้อขายสูงสุดในโลก โดยในไตรมาส 2 ของปีนี้ มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว

ขณะที่ภูมิภาคยุโรปและแอฟริกาและตะวันออกกลาง มีมูลค่าการลงทุนซื้อขายเพิ่มขึ้น 11% ในไตรมาสที่ผ่านมา เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 ทั้งนี้ ประเทศแถบยุโรปตอนใต้ มีมูลค่าการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวเพิ่มขึ้น 47% ส่วนอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 15% ในขณะกลุ่มประเทศนอร์ดิกขยายตัวเพิ่ม 38%

ส่วนเอเชียแปซิฟิก กิจกรรมการลงทุนซื้อขายอาคารที่ลดลงในญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ซึ่งปกติเป็นตลาดที่มีมูลค่าการลงทุนซื้อขายสูงสุดในภูมิภาค ส่งผลให้มูลค่าโดยรวมของทั้งภูมิภาคลดลงตาม โดยในไตรมาส 2 ของปีนี้ ลดลง 19% เมื่อคิดเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนถึงการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐฯด้วย ทั้งนี้ฮ่องกงเป็นตลาดการลงทุนซื้อขายที่ร้อนแรงที่สุดในภูมิภาคในไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 88%

นายเดวิด กรีน-มอร์แกน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหน่วยธุรกิจบริการด้านการลงทุนของเจแอลแอล กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยโลกที่มีการปรับตัวลดลง คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนสนใจหาโอกาสการลงทุนซื้ออาคารเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จึงคาดว่ามูลค่าการลงทุนซื้อขายทั่วโลกในปีนี้ น่าจะมียอดรวมขึ้นไปได้ถึง 750,000-760,000 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าปีที่แล้วราว 5%