แบงก์-นอนแบงก์
EXIM BANK แถลงผลการดำเนินงานเดือนมกราคม-มิถุนายน 2558 กำไรสุทธิ 779 ล้านบาท


ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2558 ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) มีกำไรสุทธิ 779 ล้านบาท โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 มีเงินให้สินเชื่อคงค้างจำนวน 70,111 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคาร (NPLs Ratio) ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 อยู่ที่ร้อยละ 6.98 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 4,894 ล้านบาท รวมทั้งมีเงินสำรองหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 5,212 ล้านบาท โดยเป็นสำรองหนี้พึงกันตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 3,024 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินสำรองที่กันไว้แล้วต่อสำรองพึงกันร้อยละ 172.36

นายสุธนัย ประเสริฐสรรพ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า ธุรกิจของ EXIM BANK ประกอบด้วย 2 ส่วนหลักคือ สินเชื่อและรับประกัน ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2558 การสนับสนุนสินเชื่อของ EXIM BANK แก่ผู้ประกอบการไทยทำให้เกิดปริมาณธุรกิจ (Business Turnover) 69,410 ล้านบาท และเงินให้สินเชื่อคงค้างจำนวน 70,111 ล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อใหม่ที่เบิกจ่ายเพิ่มขึ้นในระหว่างปีจำนวน 12,266 ล้านบาท ส่วนการรับประกันทำให้เกิดปริมาณธุรกิจส่งออกและลงทุนรวม 35,615 ล้านบาท โดย 4,379 ล้านบาทเป็นธุรกิจส่งออกของ SMEs หรือร้อยละ 12.30 ของธุรกิจรับประกันรวม ทั้งนี้ มียอดรับประกันคงค้าง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 จำนวน 30,530 ล้านบาท

การสนับสนุนผู้ส่งออก SMEs เป็นนโยบายหนึ่งที่สำคัญของ EXIM BANK โดยธนาคารได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ทำให้มีลูกค้า SMEs เพิ่มมากขึ้น โดยจำนวนลูกค้า SMEs คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 80 ของลูกค้าทั้งหมด และมีการอนุมัติวงเงินเพิ่มใหม่ในปีเท่ากับ 14,221 ล้านบาท วงเงินอนุมัติสะสมที่ลูกค้าสามารถเบิกใช้สินเชื่อได้เท่ากับ 59,933 ล้านบาท และเงินให้สินเชื่อคงค้างให้แก่ผู้ส่งออก SMEs มีจำนวน 20,815 ล้านบาท

ด้านการสนับสนุนตามยุทธศาสตร์ของประเทศและนโยบายรัฐ เช่น สนับสนุนโครงการพัฒนาพลังงานทดแทน สนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมของประเทศ และอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง และสนับสนุนผู้ประกอบการพาณิชยนาวีและโลจิสติกส์อื่นๆ EXIM BANK มีการอนุมัติวงเงินสินเชื่อเพื่อพัฒนาประเทศเพิ่มใหม่ในปีจำนวน 3,585 ล้านบาท และวงเงินอนุมัติสะสมจำนวน 20,403 ล้านบาท เป็นเงินให้สินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 เท่ากับ 12,417 ล้านบาท

ด้านการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดยสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ EXIM BANK ที่จะเป็นธนาคารที่สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าสู่เวทีโลก โดยเฉพาะประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ปัจจุบัน EXIM BANK มีวงเงินอนุมัติสะสมของสินเชื่อเพื่อการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศในกลุ่มประเทศ AEC รวม 83,391 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินอนุมัติเพิ่มใหม่ในปีเท่ากับ 11,897 ล้านบาท ขณะที่เงินให้สินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 เท่ากับ 38,429 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน EXIM BANK ยังได้ให้การสนับสนุนด้านการป้องกันความเสี่ยงเพื่อผลักดันให้การค้าการลงทุนระหว่างประเทศกับ AEC ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีวงเงินป้องกันความเสี่ยงให้กับผู้ประกอบการอยู่ที่ 24,809 ล้านบาท

รักษาการกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังของปี 2558 EXIM BANK ยังคงมีเป้าหมายสนับสนุนผู้ส่งออก ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก และนักลงทุน โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยที่จะเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจส่งออกอย่างเต็มที่ โดย EXIM BANK มีผลิตภัณฑ์ใหม่ ดังนี้ สินเชื่อ SMEs เริ่มต้นธุรกิจ เพื่อสนับสนุนผู้ส่งออก SMEs ที่เพิ่งเริ่มกิจการและมีคําสั่งซื้อแล้ว แต่ยังขาดเงินทุนหมุนเวียน ให้มีเงินทุนเพียงพอสําหรับเตรียมสินค้า ทั้งช่วงก่อนและหลังส่งออก และสินเชื่อ SMEs เพื่อการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนให้ SMEs ไทยทําการวิจัยเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการและสร้างนวัตกรรมของตนเอง เพื่อต่อยอดธุรกิจและเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทย โดยเฉพาะ SMEs ที่มีโครงการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ EXIM BANK ยังคงมีบริการสินเชื่อ SMEs ในด้านอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการได้อย่างครบวงจร อาทิ สินเชื่อ SMEs ส่งออกสบายใจ สินเชื่อ SMEs ค้าชายแดน สินเชื่อ SMEs ขยายฐาน สินเชื่อเพื่อการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ สินเชื่อเพิ่มพลังผู้ซื้อผู้ขาย ที่ EXIM BANK ได้ให้บริการกับผู้ประกอบการแล้วตั้งแต่ต้นปี 2558


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 10 ส.ค. 2558 เวลา : 11:16:21
24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 11:54 am