ภายหลังจากที่ประชุมสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ลงมติเสียงข้างมาก 135 เสียงต่อ 105 เสียง ไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ

พันเอกวินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวว่า การดำเนินการต่อไปเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 แก้ไขเพิ่มเติม คือ คสช. ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ จำนวน 21 คน ภายใน 30 วัน โดยคณะกรรมการดังกล่าวต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญภายใน 180 วัน จากนั้นเป็นขั้นตอนทำประชามติภายใน 45 วัน

แต่สำหรับมุมมองภาคธุรกิจเอกชนส่วนใหญ่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการลงทุน โดย นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) บอกว่า ต้องติดตามการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ภายใน 180 วัน ตามโรดแมป ส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย (SME) ยังคงต้องติดตามทิศทางนโยบายของรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล ที่ปรึกษากรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การโหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของสปช. จะไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชน เพราะที่ผ่านมาก็มีแนวโน้มจะไม่พิจารณาอยู่แล้ว

ด้าน นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจและการค้ายังเดินหน้าต่อไปได้ แม้ว่าสปช.ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เห็นว่าระยะสั้นภาคธุรกิจยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ส่วนระยะยาวต้องหารือกับหลายส่วน เพื่อประเมินภาพรวมอีกครั้ง เชื่อมั่นว่าถ้าบ้านเมืองสงบก็จะเป็นผลดีต่อการค้าและการลงทุนภายในประเทศ

ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง ยังคงต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล วงเงิน 1.3 แสนล้านบาทว่า จะกระจายเม็ดเงินสู่ประชาชนและโครงการเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คาดเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ 3% ตามเป้าที่วางไว้

นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) มองว่าจะไม่กระทบต่อเศรษฐกิจไทยกรณีที่สปช.คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ แม้จะต้องตั้งคณะกรรมการใหม่ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ก็สามารถเลือกตั้งได้ทันภายในปี 2559 ยังคงอยู่ในโรดแมปที่ คสช.ตั้งไว้ เป็นเกณฑ์ที่เอกชนยังรับได้

ทางด้าน นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การที่ สปช.ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้การเมืองไทยไม่ต้องเสี่ยงการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายสนับสนุนรัฐธรรมนูญและฝ่ายคัดค้านรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นร่างที่มีเนื้อหาหลายประเด็นที่อ่อนไหวและไม่เป็นประชาธิปไตย สิ่งนี้เป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจระยะสั้น ซึ่งการออกแบบให้รัฐบาลหลังการเลือกตั้งเข้มแข็งและมีที่มาเป็นประชาธิปไตยจะส่งผลดีทางเศรษฐกิจในระยะยาว