KTB  เผยต้องตั้งสำรองเพิ่มกรณีหนี้ SSI อีกไม่เกิน 9 พันลบ. เหตุสำรองไปแล้ว 1.1-1.2 หมื่นลบ. และอาจดึงสำรองส่วนเกินมาช่วยได้ เตรียมสรุปสิ้นเดือนนี้  ยอมรับหนี้ SSI ดัน Gross NPL เพิ่มเป็น 3.5% คาดกำไรปีนี้ต่ำกว่าปีก่อน หลังตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่ม  พร้อมหั่นเป้าสินเชื่อเหลือโต 3% จากเดิมคาดโต 4-6%  
 
   

นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่  ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า ธนาคารจะต้องตั้งสำรองหนี้เพิ่มกรณี SSI  อีกไม่เกิน 9,000 ล้านบาทภายในไตรมาส 3/58  หลังจากช่วงที่ผ่านมาที่ธนาคารได้ตั้งสำรองไปแล้ว 1.1-1.2 หมื่นล้านบาท  ทั้งนี้ ธนาคารจะมีการประชุมบอร์ดธนาคารภ่ายในเดือน ก.ย.นี้  เพื่อสรุปตัวเลขกันสำรองอีกครั้ง  ทั้งนี้  ธนาคารอาจมีการดึงสำรองส่วนเกินมาใช้ ซึ่งจะช่วยพยุงผลประกอบการในไตรมาส 3 ไว้ และคาดว่าแม้จะมีการกันสำรองเพิ่มขึ้น แต่ไม่น่าจะกระทบกับผลประกอบการไตรมาส 3/58 อย่างนัยสำคัญ
   

" ที่ผ่านมาเราก็ทยอยตั้งสำรองมาโดยตลอด และมั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานของธนาคารในไตรมาส 3 ซึ่งที่ผ่านมา SSI มีการจ่ายดอกเบี้ยปกติ แต่เงินต้นได้มีการยืดชำระออกไปนานแล้ว" นายวรภัค กล่าว
     

ทั้งนี้  ธนาคารมีสัดส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพก่อนกันสำรอง (Gross NPL) ปัจจุบันอยู่ที่ 2.96% ของสินเชื่อรวม  และหลังจากตัดหนี้สูญ SSI  ทำให้ Gross NPL ของธนาคารจะขยับมาอยู่ที่ 3.5% และส่งผลให้อัตราส่วนกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio )ในไตรมาส 3/58 ลดมาอยู่ที่ 90%  จากปัจจุบันที่ 125% อย่างไรก็ตาม  ธนาคารมีนโยบายรักษา Coverage Ratio  ไม่ต่ำกว่า 100% ในปีนี้
   

ทั้งนี้  จากการกันสำรองเพิ่มขึ้น คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกำไรธนาคารจะต่ำกว่าปีก่อนซึ่งอยู่ที่  3.31 หมื่นล้านบาท
  

นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ปรับลดเป้าสินเชื่อรวมเหลือโต 3% จากเดิม 4-6% เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังธนาคารระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อและ เน้นบริหารจัดการ NPL เป็นหลัก
  

"ปีนี้สินเชื่อคงได้แค่ 3% เพราะเรามองจีดีพีเหลือ 2.3% แล้ว จากเดิมที่เราคาดการณ์จีดีพี 4% ซึ่งครึ่งปีหลังเราไม่เน้นขยายสินเชื่อแต่จะโฟกัสควบคุม NPL มากขึ้น ถึงแม้ว่าความต้องการสินเชื่อยังมีอยู่"นายวรภัค กล่าว