บลจ.กรุงศรี เสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 3M11 (KFFAI3M11) อายุประมาณ  3 เดือน เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2558 เหมาะกับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูง  ลงทุนขั้นต่ำ 510,000 บาท  ประมาณการผลตอบแทน 2% ต่อปี   
     

นายอลัน  แคม กรรมการผู้จัดการ (รักษาการ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด(บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า “บริษัทเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 3M11(KFFAI3M11) อายุประมาณ 3เดือน    มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เช่น    เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน ,  มาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 20%   เงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 20%   ตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Akbank (ตุรกี)  สัดส่วนการลงทุน 15%    ตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Isbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 15%  ตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Vakifbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 15%  และตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Yapi Kredit bank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 15%  

ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน  โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2%ต่อปี  (ประมาณการค่าใช้จ่ายของกองทุนที่ 0.18ต่อปีของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ)  และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน  เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป”  

“กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 3M11 (KFFAI3M11) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูง  ที่ต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก   และต้องการล็อคผลตอบแทนโดยสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน”

“สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น  อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯลดลง 0.00 – 0.07% โดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวลดลงมากกว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้น เนื่องจากตลาดลดความคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับขึ้นในปีนี้    ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลดลง 0.00 – 0.07% โดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวลดลงมากกว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้น ตามการเคลื่อนไหวของตราสารหนี้สหรัฐฯและประเทศอื่นๆในภูมิภาค” นายอลัน กล่าว