เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
"โกลด์แมน แซกส์" คาดราคาน้ำมันทรุดเหลือ20 ดอลลาร์/บาร์เรล


ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องยังเป็นปัจจัยหลักที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก และมีแนวโน้มว่าราคาน้ำมันจะยังไม่สามารถกลับมากเฟื่องฟูได้เหมือนในอดีต

 

 

โดย  "โกลด์แมน แซกส์" วิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง และน่าจะลดลงต่ำสุดอยู่ที่ราว 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งอาจมีผลให้ผู้ผลิตหลายรายต้องออกจากตลาด
         
โดยปัจจัยหลักกดดันราคาน้ำมันเป็นผลจากการประชุมกลุ่มโอเปกครั้งล่าสุด ที่ซาอุดีอาระเบีย ยืนยันว่าจะไม่ลดกำลังการผลิต ที่ปัจจุบันอยู่ที่ราว 32 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่สหรัฐก็ได้ยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันดิบในรอบ 40 ปี พร้อมกับแนวโน้มที่น้ำมันดิบจากอิหร่านจะเข้าสู่ตลาดโลกในช่วงปีหน้า ทำให้ซัพพลายน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้น

 



นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ซึ่งในขณะนี้ต่ำกว่า 37 เหรียญ/บาร์เรล  ส่งผลต่อการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันดิบ หรืออุตสาหกรรม ที่มีการใช้วัตถุดิบที่มาจากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป, เคมีภัณฑ์, เม็ดพลาสติก ก็จะลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงราคาสินค้าเกษตรเกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน เช่น น้ำตาล, มันสำปะหลัง และยางพารา  มีแนวโน้มราคาลดลง และยังส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงกำลังซื้อของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ซึ่งจะมีรายได้ลดลงด้วย

 

 

ด้านธุรกิจพลังงาน นายวิฑูรย์  กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ยอมรับว่า แนวโน้มราคาน้ำมันขายปลีกที่ลดลงต่อเนื่อง ตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลก และทิศทางยังต่ำในปี 2559 ทำให้แนวโน้มการทำธุรกิจสถานีบริการ (ปั๊ม) ก๊าซแอลพีจีและก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) มีความลำบากมากขึ้น และโอกาสการเกิดขึ้นของปั๊มใหม่คงจะลดลง เนื่องจากขณะนี้ยอดใช้ภาพรวมลดต่ำ เพราะผู้ใช้หันไปเติมน้ำมันที่ราคาถูก โดยปัจจุบันปั๊มแอลพีจีมีอยู่ประมาณ 2,040 แห่ง เริ่มทยอยปิดตัวบ้างแล้ว และปี 2559 มีโอกาสจะลดลงต่ำกว่า 2,000 แห่ง   ขณะที่ปั๊มเอ็นจีวีที่มีหลักร้อยแห่ง หลังราคาขายปลีกมีทิศทางสูงขึ้น เพราะรัฐจะต้องปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ทำให้ขณะนี้การติดตั้งอุปกรณ์เพื่อใช้ในรถเอ็นจีวีใหม่ๆ แทบไม่เกิดขึ้น ขณะที่ปั๊มเอ็นจีวีของปตท.ไม่มีแผนขยายปั๊มใหม่

 

 


สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์  นายธนิต โสรัตน์  ประธานกรรมการบริษัท วี เซิร์ฟ กรุ๊ป ผู้ประกอบธุรกิจด้านโลจิสติกส์รายใหญ่ เปิดเผยว่า  ธุรกิจด้านขนส่งหรือโลจิสติกส์ของไทยกำลังได้รับผลกระทบจากภาวะการส่งออกและนำเข้าของไทยที่ติดลบต่อเนื่อง เพราะปริมาณสินค้าที่ขนน้อยลงมาก ประกอบกับสินค้าภาคการเกษตรของไทยเองก็มีผลผลิตไม่มากในปีนี้ เพราะประสบภาวะภัยแล้ง ส่งผลให้รถบรรทุกที่มีอยู่ประมาณ 1.5 ล้านคันต้องว่างงาน คือหยุดวิ่งถึง 50% ทำให้เกิดพฤติกรรมประคองธุรกิจ คือ ผู้ประกอบการรถบรรทุกรายย่อยจะมีการนำรถไปจำนอง (รีไฟแนนซ์) หรือขายมากขึ้น ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น ภาคอุตสาหกรรมอาจประสบปัญหาด้านโลจิสติกส์ 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 ธ.ค. 2558 เวลา : 11:38:26
24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 2:36 am