แบงก์-นอนแบงก์
ไทยพาณิชย์ประกาศผลกำไรสุทธิปี 2558 จำนวน 47.2 พันล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น


จากสภาพเศรษฐกิจไทยในปี 2558 ที่ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ส่งผลให้การเติบโตของภาคเอกชน รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ชะลอตัวลง ในส่วนของธนาคารไทยพาณิชย์มีกำไรสุทธิ (ก่อนตรวจสอบ) ประจำปี 2558 จำนวน 47,182 ล้านบาท – ลดลง 11.5% จากปี 2557 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรสุทธิลดลงมาจากการตั้งสำรองที่สูงขึ้นมากเพื่อรองรับสินเชื่อด้อยคุณภาพที่เกิดขึ้นและการตั้งสำรองครบจำนวนตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยสำหรับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ 1 ราย (บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI และบริษัทลูกในประเทศอังกฤษ ซึ่งตัดหนี้สูญแล้ว คือ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ประเทศอังกฤษ หรือ SSI UK) ซึ่งถูกจัดชั้นเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพในไตรมาสที่ 3/2558 อย่างไรก็ตาม รายได้โดยรวมของธนาคารยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานขยายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับปีก่อนแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายลงทุนมากขึ้น

สำหรับไตรมาส 4/2558 ธนาคารมีกำไรสุทธิ (ก่อนสอบทาน) จำนวน 11,795 ล้านบาท ลดลง 3.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจากการตั้งสำรองที่สูงขึ้น

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวถึงผลประกอบการในปีนี้ว่า “ในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากลำบากของภาคสถาบันการเงินรวมทั้งธนาคารไทยพาณิชย์ เนื่องจากมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ธนาคารมีผลประกอบการลดลงจากปีก่อน ในภาวะที่เศรษฐกิจของโลกและประเทศไทยชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา ธนาคารได้มุ่งเน้นที่จะดูแลช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารอย่างใกล้ชิดไปพร้อมกับการบริหารความเสี่ยงในทุกๆ ด้านอย่างเข้มข้น”

รายได้ดอกเบี้ยสุทธิในปี 2558 เพิ่มขึ้น 2.1% จากปี 2557 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงของดอกเบี้ยจ่ายสำหรับเงินฝาก ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ของธนาคารในการลดต้นทุนเงินฝาก รวมทั้งจากการเติบโตของสินเชื่อในระดับปานกลาง ถึงแม้ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในครึ่งปีแรกของปี 2558

รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในปี 2558 เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2557 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกำไรจากการขายเงินลงทุนตราสารทุนที่บันทึกในไตรมาส 3/2558 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการตั้งสำรองที่สูงในไตรมาสดังกล่าว ในขณะที่รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการ และรายได้จากธุรกรรมปริวรรตเงินตราต่างประเทศยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพในปี 2558 อยู่ที่ 2.89% เพิ่มขึ้นจาก 2.11% ณ สิ้นปี 2557 แต่ลดลงจาก 3.02% ในไตรมาสก่อน การเพิ่มขึ้นอย่างมากของสินเชื่อด้อยคุณภาพส่วนใหญ่เกิดจากบริษัท SSI ซึ่งได้ถูกจัดชั้นเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพในไตรมาส 3/2558 และจากลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และลูกค้าสินเชื่อเคหะ ตามสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ในขณะเดียวกัน หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น  16,509 ล้านบาทเป็นจำนวน 29,723 ล้านบาท ในปี 2558 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กำไรสุทธิลดลงในปีนี้ แต่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงเป็น 109.8% ณ สิ้นปี 2558 จาก 138.1% ณ สิ้นปี 2557 แต่สูงกว่าระดับ 100.8% ณ สิ้นไตรมาสก่อน

นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ผลประกอบการประจำปี 2558 ได้ลดลงจากสาเหตุหลายอย่างรวมทั้งจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ แต่คณะผู้บริหารและพนักงานจะยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ธนาคารไทยพาณิชย์มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งได้ต่อไปในอนาคต จากการวางกลยุทธใหม่ๆ ที่ได้ริเริ่มตามที่ได้ประกาศไว้ ซึ่งขับเคลื่อนจากความร่วมมือร่วมใจของชาวไทยพาณิชย์ และหวังว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ในการเป็นธนาคารที่ลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน และสังคมเลือก”


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 ม.ค. 2559 เวลา : 08:09:20
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 10:28 pm