แบงก์-นอนแบงก์
"เกียรตินาคินภัทร" ประกาศพร้อมสู้ศึกแบงก์เดือด เดินตามโมเดลระยะสอง "จับลูกค้ามั่งคั่ง-ขยายพอร์ตลงทุนเพิ่ม" คว้าเป้าสินเชื่อโต 15%


“กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร” ประกาศปีนี้พร้อมแล้ว ลุยขยายธุรกิจเต็มที่ จับฐานลูกค้าเดิม รวมพลังเดินหน้าแผนธุรกิจระยะสองตามโมเดล เน้น 3 ด้านหลัก เป็น Credit House ที่มีประสิทธิภาพ ต่อยอดธุรกิจ Private Banking รักษาความเป็นผู้นำ Investment  ด้วยช่องทางใหม่ “Alternative Channel” ผ่าน Mobile Booth, Telesales, Direct Sale Agent ไม่ต้องพึ่งเครือข่ายสาขาหวังคว้าเป้าสินเชื่อโต 15% เตรียมออกหุ้นกู้ใหม่ 2-3 พันล้าน ไตรมาส 1-2 นี้ รองรับปล่อยสินเชื่อเพิ่ม มั่นใจกำไรปีนี้ดีกว่าปีก่อนแน่ จากลุยธุรกิจและตั้งสำรองลด

 

นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปี 2559 ว่า ขณะนี้แผนธุรกิจของธนาคารได้เข้าสู่ระยะที่ 2 แล้ว โดยจะดำเนินการขยายธุรกิจตามยุทธศาสตร์หลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1.การเป็น Credit House ที่มีประสิทธิภาพ 2.การพัฒนาต่อยอดธุรกิจ Private Banking ที่ภัทรมีประสบการณ์ทางธุรกิจนี้มากว่า 15 ปี และ 3.การรักษาความเป็นผู้นำในด้าน Investment Banking ที่เป็นธุรกิจดั้งเดิมของภัทรและเป็นผู้นำในธุรกิจนี้อยู่แล้ว

ปี 2559 ถือเป็นปีที่สำคัญของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ในการขยายธุรกิจและเติบโตในเซ็กเมนต์เดิมที่มีความพร้อมเริ่มจากการใช้ประโยชน์จากความร่วมมือของบริษัทในกลุ่ม อาทิ สินเชื่อบรรษัทจากฐานลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่ของกลุ่มธุรกิจฯ ตลอดจน Lombard Loan สินเชื่อหมุนเวียนอเนกประสงค์สำหรับลูกค้า Wealth Management ของ บล.ภัทร นอกจากนี้ ในส่วนธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ที่พร้อมจะขับเคลื่อนในการขยายธุรกิจนั้น ได้มีการปฏิรูปการทำงานอย่างบูรณาการ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสาขา (เปิด ปิด ย้ายเข้าห้างสรรพสินค้า) ปรับภาพลักษณ์ ซึ่งปัจจุบันมี 65 สาขา เพียงพอต่อการขยายธุรกิจไปอีก 3-5 ปีข้างหน้า  มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้หลากหลาย อาทิ เงินฝากและการลงทุน (KK Smart Invest, KK Smart Bonus, KK Smart Gain) สินเชื่อรายย่อย (Captive Finance กับซูซูกิ)

 

นอกจากนี้ ยังเปิดช่องทางการขายใหม่ โดยนำ Alternative Channel มาเป็นตัวเสริมเพื่อช่วยในการขยายตลาดและเข้าถึงลูกค้า ผ่าน Mobile Booth, Telesales, Direct Sale Agent เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์บางรายการ ที่อาจไม่เหมาะกับการใช้เครือข่ายสาขาที่มีอยู่ในการขาย ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบุคคล สินเชื่อบ้าน โปรแกรม SME ซึ่งธนาคารมีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้ว    

 

“ปี 2558 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีที่ดีของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรสะท้อนได้จากผลประกอบการที่เติบโตขึ้น คุณภาพของสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ ตลอดจนความคืบหน้าในกลุ่มธุรกิจฯ ที่ร่วมมือกันพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ  และจากการทำงานอย่างหนักในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ KKP มีพื้นฐานและโครงสร้างการทำงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งต่อจากนี้จะเป็นช่วงของการขยายงาน ขยายธุรกิจ โดยใช้ประโยชน์จากการลงทุนทุกประเภทที่ทำไป โดยตั้งเป้าว่าสินเชื่อรวมจะขยายได้ราว 15% จากแผนงานข้างต้นในเรื่องการเติบโตในเซ็กเมนต์เดิมที่เรามีฐานลูกค้า ประกอบกับการจัดตั้งสายงานช่องทางการตลาดและพัฒนาฐานลูกค้า จะช่วยให้การขยายฐานลูกค้าในมิติต่างๆ เห็นผลได้ชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ตามยังคงมีเรื่องภาวะภัยแล้ง ภาวะเศรษฐกิจของประเทศและของโลกที่ยังต้องระวัง และอาจทำให้การอำนวยสินเชื่อไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ จากการประเมินของ บล.ภัทร คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ระดับ 3.2% ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากปี 2558” นายอภินันท์กล่าว

 

นายกฤติยา วีรบุรุษ ประธานธุรกิจตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร และกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน)    กล่าวว่า ปี 2559 นี้ มองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวจากปีก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนต้องระมัดระวัง อาทิ ความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลก ผลกระทบจากภัยแล้ง และความสำเร็จของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

สำหรับแผนการดำเนินงานของธุรกิจตลาดทุนภายใต้ KKP ในปีนี้ ยังคงเดินหน้าตามยุทธศาสตร์หลัก โดยมี 2 ด้านที่อยู่ในส่วนธุรกิจตลาดทุน ได้แก่การพัฒนาต่อยอดธุรกิจ Private Banking ที่ภัทรมีประสบการณ์ทางธุรกิจนี้มากว่า 15 ปี โดยไตรมาส 2 ปีก่อน KKP ได้พัฒนาสินเชื่อรูปแบบใหม่ “Lombard Loan” หรือสินเชื่อหมุนเวียนอเนกประสงค์ ที่เสนอให้กับกลุ่มลูกค้า Wealth Management ของ บล.ภัทร ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ณ สิ้นปี 2558 มียอดอนุมัติวงเงินไปกว่า 4,000 ล้านบาท และมียอดให้สินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 1,255 ล้านบาท

นอกจากนี้ บล.ภัทร ยังได้มีการปรับโครงสร้างการให้บริการเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า Private Banking ที่จะมีเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งพัฒนาระบบงานใหม่ให้เชื่อมต่อกับธนาคาร โดยตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ใหม่ภายใต้การให้คำแนะนำ (Asset Under Advice : AUA) ปีละ 40,000 ถึง 50,000 ล้านบาท  และสุดท้ายคือรักษาความเป็นผู้นำในด้าน Investment Banking ที่เป็นธุรกิจดั้งเดิมของภัทรและเป็นผู้นำในธุรกิจนี้อยู่แล้ว ซึ่งจะเน้นการทำธุรกรรมที่มีความซับซ้อนมากขึ้น (Structured Deal) รวมถึงการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสายตลาดการเงินของธนาคารในการบุกตลาดพันธบัตร ตราสารหนี้ รวมถึงอนุพันธ์อย่างเข้มข้นมากขึ้น  


 

ด้าน นายชวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลการดำเนินงานปี 2558 เทียบกับปี 2557 ว่า กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร มีกำไรสุทธิรวม 3,317 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21.3% ในส่วนของรายได้รวมอยู่ที่ 15,901 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 9,449 ล้านบาทหรือคิดเป็น 59% ของรายได้รวม ที่เหลือคือรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 6,453 ล้านบาท (41%) ซึ่งมาจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และธุรกิจตลาดทุน

สำหรับธุรกิจธนาคารพาณิชย์มีเงินให้สินเชื่อรวมจำนวน 177,966 ล้านบาท ลดลง 3.6% จากสภาพเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และธนาคารโดยรวมเน้นการเติบแบบระมัดระวัง สำหรับหนี้สินรวม (เงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วบีอี และหนี้สินอื่นๆ) มีจำนวน 197,988 ล้านบาท ลดลง 3.1% ในส่วนของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ (Loan Spread) อยู่ที่ 4.5%

ทั้งนี้ ธนาคารยังให้ความสำคัญในการควบคุมและรักษาคุณภาพสินทรัพย์ โดยมีอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 5.8% สำหรับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ตามเกณฑ์ ธปท.อยู่ที่ 16.54% (เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 จำนวน 14.57%) ส่วนธุรกิจตลาดทุน (บล.ภัทร บล.เคเคเทรด และ บลจ. ภัทร)  ประกอบไปด้วย ธุรกิจนายหน้า ธุรกิจวานิชธนกิจ ธุรกิจการลงทุน และธุรกิจจัดการกองทุน โดย บล.ภัทรและบล.เคเคเทรดมีส่วนแบ่งตลาดรวมเท่ากับ 5.5% (เป็นอันดับ 4) ในส่วนของธุรกิจ Private Wealth Management มีสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำรวมมูลค่า 310,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากปี 2557 โดยมีเงินใหม่สุทธิทั้งสิ้น 37,937 ล้านบาท


 

นายอภินันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มั่นใจกำไรปี 2559 ของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร จะดีกว่าปี 2558  อย่างแน่นอน เนื่องจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลง หลังจากปีก่อนหน้าได้ตั้งสำรองไว้ในระดับสูงแล้ว สำหรับเป้าหมายการเติบโตสินเชื่อปีนี้ที่ตั้งไว้ 15% ยอมรับว่าเป็นเป้าหมายที่สูง และสูงกว่าระบบธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่าจะเติบโต 5-6%

“การวางเป้าหมายที่ต้องวางไว้สูง โดยเฉพาะหากเทียบกับสินเชี่อปี 58 ที่หดตัว 3.6% เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมายให้พนักงาน ทำได้ทำไม่ได้ค่อยมาว่ากันอีกที แต่นั่นเป็นเป้าหมายที่เราต้องการจะไปให้ถึงและให้พนักงานเกิดพลังที่จะไขว้คว้าเป้าหมายนั้น แต่หากทำไม่ได้ก็พร้อมที่จะหั่นเป้าลงในช่วงกลางปี อย่างไรก็ตาม เราต้องพยายามก่อน ให้พนักงานพยายามให้ถึงที่สุดก่อน โดยเฉพาะหากเปรียบเทียบภาวะเศรษฐกิจของปีนี้กับปีก่อน ปีนี้ดีกว่าปีก่อน ฉะนั้นโอกาสในการปล่อยสินเชื่อจากความต้องการสินเชื่อที่มีมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจก็ย่อมมีโอกาสมากขึ้น ฉะนั้นเราจึง่ต้องวางเป้าหมายให้สูงไว้ก่อน”นายอภินันท์ ระบุ
  
นายอภินันท์กล่าวต่อว่า ประเภทสินเชื่อที่ KKP จะบุกในปีนี้ จะเป็นทั้งในส่วนของสินเชื่อดั่งเดิมและสินเชื่อประเภทใหม่ โดยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีสัดส่วนในพอร์ตสูงสุดที่ 65% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ในปี 2559 นี้ ตั้งเป้าไว้ว่าจะเติบโต 5% จากปีก่อนที่หดตัว 11.9% จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่วนสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีสัดส่วนในพอร์ต 30% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ปีนี้ตั้งเป้าเติบโตไว้ไม่เกิน 10%

ส่วนสินเชื่อประเภทใหม่ ได้แก่ สินเชื่อบรรษัท ที่มาจากฐานลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่ของกลุ่มธุรกิจฯ และสินเชื่อหมุนเวียนอเนกประสงค์สำหรับลูกค้า Wealth Management หรือ Lombard Loan รวมถึงสินเชื่อ SME ซึ่งมีแผนจะออกเร็วๆ นี้ ตั้งเป้าการเติบโตไว้สูงกว่าเท่าตัว เนื่องจากเป็นสินเชื่อใหม่ ฐานจึงยังต่ำ และสามารถบุกตลาดได้อีกมาก

สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นปี 2559 จะลดให้เหลือ 4.5% จากสิ้นปี 2558 อยู่ที่ 5.8% เนื่องจากมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดี และลูกค้ามีความสามารถในการชำระที่ดีขึ้น ประกอบกับ NPL ของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

“ในปีนี้ประมาณไตรมาส 1 หรือ 2 กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร จะออกหุ้นกู้ใหม่ มูลค่า 2-3 พันล้านบาท เพื่อเพิ่มเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง หรือ BIS Ratio ให้สูงขึ้นเป็น 17-18% ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 16.54%  และเพื่อให้สามารถรองรับการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นได้ รวมถึงป้องกันความเสี่ยงหากภาวะเศรษฐกิจเกิดความผันผวนด้วย”นายอภินันท์กล่าวทิ้งท้าย


บันทึกโดย : วันที่ : 26 ม.ค. 2559 เวลา : 21:14:22
16-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 16, 2024, 10:11 pm