แฟชั่น-เดินทาง-กินดื่ม-เที่ยว
ทริปสุดสตรอง! เมืองไทยประกันชีวิต พาสื่อฯตะลุยพนมเปญ


 


เช้าตรู่ของวันที่ 29 มกราคม 2559 คณะผู้บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยสื่อมวลชนออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่กรุงพนมเปญ ซึ่งถือว่าเป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศและยังเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญรองจากนครวัด เพราะเป็นเมืองผ่านที่สามารถเดินทางไปยังประเทศไทย ลาว และเวียดนาม ได้อีกด้วย คณะเราเดินทางด้วยเที่ยวบิน PG 931 เมื่อถึงกรุงพนมเปญโปรแกรมแรกเริ่มต้นด้วยอาหารกลางวัน ณ “ร้านอาหาร SORYA” เป็นอาหารไทยสไตล์กัมพูชา คืออาหารหลายอย่างหน้าตาเหมือนบ้านเราแต่รสชาติจะไม่จัดเท่า 

เมื่ออิ่มท้องแล้วก็ได้เดินทางต่อไปยัง “วัดอุณาโลม” และได้ถวายสังฆทานพระสงฆ์ 99 รูป ร่วมกับ คุณสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารอีกหลายท่าน เมื่อได้รับพรและประพรมน้ำมนต์จากพระสังฆราชแล้ว ก็เคลื่อนขบวนเข้าที่พัก ณ Sokha Phnom Penh Hotel เป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว เพื่อเก็บสัมภาระและเตรียมตัวไปร่วมงานแถลงข่าวฯ  

เมื่อมาถึง City Hall เกาะเพชร กรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นสถานที่ๆมีสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสที่มีความหรูหรา งดงาม พวกเราได้รับการต้อนรับด้วยการแสดงจากนาฏศิลป์ของกัมพูชา และที่น่าปลื้มสุดๆก็คือชาวกัมพูชาสามารถถ่ายทอดศิลปะวัฒนะธรรมไทยได้อย่างงดงามทีเดียว ด้วยการรำอวยพรเปิดงานแบบไทยแต่บทเพลงที่ร้องนั้นเป็นภาษาเขมร พิธีกรก็ได้แปลความหมายให้พวกเราฟังว่าเป็นการเชิญทวยเทพทั้งหลายมาร่วมอวยพรให้คณะของพวกเรา และหลังจากนั้นก็เป็นการแถลงข่าวโดย คุณสาระ ได้แนะนำคณะผู้บริหารของเมืองไทยประกันชีวิต และ แถลงข่าวผลประกอบการประจำปี 58 และยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจในปี 2559 โดย คุณสาระ ได้กล่าวทิ้งท้ายอย่างชัดเจนว่า “ประกาศเป้าหมายเติบโตในปี 2559 ที่เบี้ยรับรวมกว่า 100,000 ล้านบาท”

หลังจากนั้นพวกเรายังได้รับเกียรติจาก นายดามพ์ บุญธรรม อัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ กล่าวต้อนรับ และฟังการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ศักยภาพและความพร้อมด้านการค้า การลงทุน และธุรกิจประกันชีวิตในกัมพูชา หลังเปิด AEC” โดย ท่านจีรนันท์ วงษ์มงคล อัครราชทูตที่ปรึกษา(ฝ่ายการพาณิชย์) สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูตไทย ซึ่งหลังจากได้รับฟังการบรรยายเป็นที่เรียบร้อย ก็เข้าสู่ช่วงของความบันเทิงโดยในงานนี้ได้มีศิลปินอัธยาศัยดีอย่าง เก่ง อธิป และ ศิลปินระดับแนวหน้าอย่าง เจนนิเฟอร์ คิ้ม มาร้องเพลงสลับกับปล่อยมุขฮา เรียกเสียงหัวเราะจากสื่อมวลชนได้อย่างสนุกสนาน พร้อมด้วยเซอร์ไพร์ซ จาก นุ๊ก เดอะวอยซ์ เมื่อถึงเวลาสมควรรถบัสก็ได้นำคณะเดินทางกลับโรงแรม

โปรแกรมการทัวร์พนมเปญวันที่สอง เริ่มต้น ณ วัดพนม วัดสำคัญของชาวกัมพูชา ซึ่งกรุงพนมเปญก็มีที่มาจากวัดแห่งนี้ ดังมีตำนานพื้นบ้านกล่าวว่า เมื่อราวหกร้อยปีก่อน มีเศรษฐีนีชาวเขมรผู้หนึ่งชื่อเพ็ญ ได้ไปพบพระพุทธรูปซึ่งน้ำพัดมาเกยฝั่งหลายองค์ นางมีศรัทธาแก่กล้าในพระศาสนา จึงได้สร้างวัดขึ้นบนยอดเขาที่อยู่ใกล้ๆ กันเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเหล่านั้น แม้เขาลูกนี้จะสูงเพียง 27 เมตร แต่ก็ถือเป็นเขาที่สูงที่สุดในละแวกนี้ จึงเรียกกันเรื่อยมาว่า "พนมเปญ" แปลว่า "เขายายเพ็ญ" โดยฝั่งตรงข้ามของวัดจะมีอนุสาวรีย์ “ยายเพ็ญ” ตั้งอยู่ด้วย ซึ่งไกด์ประจำรถของเราได้ให้ข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับอนุสาวรีย์“ยายเพ็ญ”ว่าคนที่นี่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์มาก สามารถขอได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องของความรักเพราะนอกจากจะไม่สมหวังแล้ว ที่รักกันอยู่ก็อาจจะต้องเลิกรากันไปเลย

ต่อด้วยสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ “คุกตวลสเลง”หรือค่าย S-21ซึ่งเดิมเป็นโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่ของกรุงพนมเปญ เขมรแดงใช้เป็นสถานที่กักขังนักโทษก่อนที่นำไปฆ่า ณ ทุ่งสังหาร Killing Fieldsที่นี่เข้ามาแล้วจะเห็นภาพทารุณกรรมต่างๆ รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ทารุณและสังหารอย่างเลือดเย็น เราใช้เวลาอยู่ที่นี่กันประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ได้เวลารับประทานอาหารกลางวัน 

“ร้านอาหาร ขแมร์สุรินทร์” เป็นร้านอาหารไทย ทั้งบรรยากาศและรสชาติของอาหาร ภายในร้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีขรึม ร้านนี้ไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศ ใช้พัดลมติดเพดานเป็นทั้งเฟอร์นิเจอร์และเครื่องทำความเย็น น่าแปลกที่ทำให้เราคลายร้อนได้อย่างดี ทั้งๆที่ก่อนเข้ามาในร้านอากาศค่อนข้างอบอ้าว หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารทั้งคาว-หวานแล้ว โปรแกรมต่อไปที่ทางเมืองไทยประกันชีวิตเตรียมไว้ให้พวกเราก็คือ นั่งรถละเมาะโมโต ลักษณะเหมือนสามล้อเครื่องบ้านเรา โชเฟอร์ขี่ด้านหน้า ผู้โดยสารนั่งด้านหลังได้ 4 คน หันหน้าเข้าหากันฝั่งละ 2 คน นั่งรถชมไปรอบๆเมืองจนกระทั่งถึง “พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของกัมพูชา” ภายในเก็บรวบรวมโบราณวัตถุล้ำค่าของกัมพูชาตั้งแต่ยุคเก่าที่สุดราว 1,500 ปี จนถึงศิลปะสมัยบายน เมื่อ 800 ปีที่ผ่านมา  จากนั้นชมบรรยากาศบริเวณแม่น้ำบาสักหน้าพระราชวัง ซึ่งเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว 

สื่อมวลชนจัดเต็มแต่งชุดเข้าบรรยากาศ

 

จนมาถึง พระราชวังหลวง “วังเขมรินทร์” ซึ่งเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ จากนั้นนำทุกท่านชมวัดคู่วังคือ วัดพระแก้ว สักการะพระเจดีย์เงิน (Silver Pagoda) เพื่อความเป็นสิริมงคล 

อาหารค่ำคืนที่สองที่ ร้าน TonleBasaac  เป็นอาหารบุฟเฟ่ต์นานานชาติ ส่วนใหญ่คนมาทานเป็นกลุ่มทัวร์ อาหารมีให้เลือกหลายอย่าง มีซุ้มอาหารเวียดนาม ทำขนมเบื้องญวณสดๆด้านหน้า, และมีเปาะเปี๊ยะกุ้ง มีอาหารให้เลือกอีกมากกว่า15อย่าง ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึกผัด, ปลา, กุ้ง , ผัดผัก ปิดท้ายด้วยของหวาน ชอบที่อาหารดูสะอาดๆ สดๆ มีรสชาติดี 

หลังจากนั้นทริปสีบานเย็นก็นำทุกคนสู่ย่านการค้ายามค่ำคืนถนนเลียบแม่น้ำ ศูนย์รวมร้านค้า ร้านอาหาร และหน้าพระราชวังไปจนถึง Night Market เดินสำรวจตลาดกันนิดหน่อยก็กลับเข้าโรงแรมเพื่อพักผ่อนเพราะวันรุ่งขึ้นก็จะเป็นวันสุดท้ายของทริปสุดสตรอง เพราะโปรแกรมเที่ยวรอบนี้สุดคุ้มอัดแน่นไปด้วยความรู้ ความบันเทิง โดย อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ  ไกด์กิตติมศักดิ์ที่บรรยายได้อย่างสนุกสนาน

ลืมเล่าถึงมุมน่ารักที่ทางเมืองไทยฯดูแลเป็นอย่างดีก็คือ จัดรถขนเสบียงรอบริการทุกจุดที่เราแวะ ในรถมีทั้งขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม ผ้าเย็น ประมาณมินิมาร์ทเคลื่อนที่ จึงทำให้พวกเรารู้สึกเพลิดเพลินและวนเวียนกันอยู่แถวมินิมาร์ทเคลื่อนที่คันนี้

เช้าวันที่สาม เป็นวันที่เราจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ แต่ก่อนกลับพวกเราได้มีโอกาสไปแวะ Central Market เป็นตลาดจำหน่ายของฝาก ของที่ระลึก ขึ้นชื่อของที่นี้ แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยได้ซื้ออะไรกันสักเท่าไร จะเซลฟี่ ทั้งรูปเดี่ยว รูปคู่ รูปหมู่ หลากหลายแอ็ค...ทีเดียว บางคนก็ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ถ่ายทำรายการจนหยดสุดท้ายกันเลยทีเดียว

ก่อนกลับเราแวะรับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้าน Tamoda ที่นี่มีอาหารขึ้นชื่อคือ ขนมปังปาเต และเห็นขายกันมากที่สุดในพนมเปญ อาหารที่เป็นอนุสรณ์ของอิทธิพลฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมในลาว กัมพูชา และเวียดนาม ขนมปังปาเตคล้าย แต่ไม่เหมือนข้าวจี่ปาเต๊ะของลาว หรือบ๋านหมี่ของเวียดนาม ขนมปังปาเตที่พนมเปญ ใช้ขนมปังฝรั่งเศสร้อนๆ หอมกรุ่น ทาด้วยมายองเนส กับหมูสับปรุงรสพิเศษผสมกับปลากระป๋อง สอดไส้หมูยอ ที่มีทั้งหมูยอเนื้อ หมูยอหนัง รับประทานกับแตงกวาและมะละกอดอง รสชาติเหมือนอาจาด แช่เย็น ตัดความมันของมายองเนส อย่าลงตัว 

เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้วคณะสีบานเย็นก็ออกเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติ กรุงพนมเปญ เพื่อเช็คอินเคาน์เตอร์ บางกอกแอร์เวย์ส ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ ด้วยเที่ยวบิน PG 934 เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ ความสุขและรอยยิ้ม

เอซีนิวส์ขอขอบคุณที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต ให้เกียรติเชิญสำนักข่าวของเราไปร่วมทริปในครั้งนี้ โอกาสหน้าเราจะได้เก็บเกี่ยวเรื่องราวระหว่างการเดินทางมาเล่าให้ทุกท่านได้ฟังกันอีก

 


LastUpdate 04/02/2559 10:30:37 โดย :
24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 10:35 pm