แบงก์-นอนแบงก์
"สมเจตน์" ซีอีโอธนชาต เผยเงินกองทุนแบงก์แกร่ง รองรับการเติบโตธุรกิจได้ดี โดยไม่ต้องเพิ่มทุน ตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้โต 3%


ซีอีโอแบงก์ธนชาตมั่นใจผลประกอบการปีนี้ดีกว่าปีก่อนแน่นอน จากสินเชื่อทีคาดจะขยายตัวขึ้นทุกประเภท ตั้งเป้าปีนี้สินเชื่อกลับมาเติบโตที่ 3% จากปีก่อนหดตัวถึง 5-6% พร้อมรักษาเอ็นพีแอลให้ไม่เกิน 3% เผยเงินกองทุนแข็งแกร่งเติบโตที่ 17.92% รองรับการเติบโตของสินเชื่อและธุรกิจได้อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องเพิ่มทุน



 

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TBANK เปิดเผยแผนธุรกิจปี 2559 ว่า ธนาคารมั่นใจผลประกอบการปีนี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิ 10,743 ล้านบาท โดยมาจากการตั้งสำรองที่ลดลง ซึ่งปัจจุบันธนาคาร Coverage Ratio อยู่ที่ 119.42% ปรับเพิ่มขึ้นจาก 85.52% ณ สิ้นปี 2557
  

โดยเป้าหมายสินเชื่อในปีนี้ ธนาคารตั้งไว้ว่าจะกลับมาเติบโตในระดับ 3% จากสินเชื่อคงค้าง 7.13 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการกลับมาฟื้นตัวหลังจากปี 2558 ที่ผ่านมา สินเชื่อหดตัว 5-6% จากผลพวงของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่สำหรับปีนี้คาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นจากนโยบายการลงทุนของภาครัฐส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นในการลงทุน และก่อให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนตามมา รวมถึงการอุปโภคบริโภคที่จะปรับตัวดีขึ้นด้วย ทั้งนี้ธนาคารมองว่าสินเชื่อทุกประเภทจะกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การพิจารณาสินเชื่อของธนาคารได้ดียิ่งขึ้น ธนาคารได้พัฒนาระบบคัดกรองลูกค้าใหม่ โดยจะ เริ่มใช้ตั้งแต่กลางปีนี้ ซึ่งจะทำให้การพิจารณาสินเชื่อโดยเฉพาะสินเชื่อบุคคลมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายสมเจตน์กล่าวต่อไปว่า สำหรับป้าหมายสินเชื่อในแต่ละประเภทที่ธนาคารตั้งไว้ในปีนี้ สินเชื่อเอสเอ็มอีจะเติบโต 12-13% จากสินเชื่อคงค้างสิ้นปี 2558 ที่ 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่สินเชื่อขนาดใหญ่จะเติบโต 3-4% จากสินเชื่อคงค้างสิ้นปี 2558 ที่ 1.5 แสนล้านบาท และ สินเชื่อรีเทลหรือรายย่อย ตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 5-6% แบ่งเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย 8% บัตรเครดิต 5% และ สินเชื่อส่วนบุคคล 5%
  

“ผมมองว่าสินเชื่อรถยนต์ปีนี้น่าจะเติบโตขึ้นจากโครงการรถคันแรกหมด ก็อาจจะมีผู้ใช้รถบางรายเปลี่ยนรถใหม่ ซึี่งก็จะส่งผลต่อรถป้ายแดงที่จะขายในปีนี้ได้มากขึ้น รวมทั้งสินเชื่อเพื่อเช่าซื้อรถยนต์ปีนี้ก็น่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยมองการเติบโตในส่วนนี้ไว้ที่ 8% จากปีที่แล้วหดตัวไปถึง 5-6% จากสินเชื่อคงค้างที่ 3.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็นรถใหม่ 70% และ รถมือสอง 30% ขณะที่ NPL อยู่ที่ 2.3% อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการนำสกอร์ริ่งใหม่มาใช้จะช่วยคัดกรองลูกค้าได้ดีขึ้น และลด NPL ได้อย่างดี”นายสมเจตน์กล่าว

นายสมเจตน์กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้ธนาคารพยายามรักษาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้ไม่เกิน 3% จากสิ้นปีที่แล้ว อยู่ที่ 2.8-2.9% ขณะที่ปัจจุบันเงินกองทุนของธนาคารมีความแข็งแกร่ง เติบโตขึ้นมาอยู่ที่ 17.92% จากสิ้นปีที่แล้วที่ 15.83%  สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจต่อไปในอนาคตได้อย่างมั่นคง โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนแต่อย่างใด
  

ทั้งนี้จากเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เริ่มกำหนดใช้หลักเกณฑ์การดำรงสภาพคล่องใหม่ หรือ Liquidity Coverage Ratio (LCR) โดยกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ต้องเริ่มดำรงเกณฑ์สินทรัพย์สภาพคล่องขั้นต่ำที่ระดับ 60% ในปี 2559 จากนั้นจึงทยอยเพิ่มขึ้นปีละ 10% จนครบ 100% ตามเกณฑ์บังคับในปี 2563 ซึ่งธนาคารสามารถดำรงเกณฑ์ LCR ได้ผ่านเกณฑ์ขั้นสูงมาอยู่ที่ระดับเกิน 100% ในปีแรก แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบริหารสภาพคล่องทางการเงินของธนาคารที่อยู่ในระดับสูง


บันทึกโดย : วันที่ : 03 มี.ค. 2559 เวลา : 13:10:04
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 5:41 am