อสังหาริมทรัพย์
ไนท์แฟรงค์เผย "เตาปูน-บางซ่อน" โอกาสเป็นย่านที่อยู่อาศัยแห่งใหม่


ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย เผย "เตาปูน-บางซ่อน” จะเพิ่มความสำคัญและโอกาสในการเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่สำคัญแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร" รับอานิสงส์ "บางซื่อ”อยู่ใกล้เตาปูน-บางซ่อน จะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและระบบขนส่งทางราง และศูนย์ธุรกิจแห่งใหม่ ขณะที่คอนโดมิเนียมในย่านเตาปูน เติบโตขึ้นทั้งอุปทาน อุปสงค์ และราคาขาย
 

 

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บางซื่อกำลังจะได้รับการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมและระบบขนส่งทางรางของประเทศและกรุงเทพฯ ตามแผนพัฒนาของรัฐบาลโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งจะใช้สถานีกลางบางซื่อเป็นที่ตั้งของสถานีต้นทางของระบบรางของการรถไฟฯ ประกอบด้วย โครงการรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ (ไปยังเชียงใหม่) โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-หัวหิน โครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน (Standard Gauge รางขนาด 1.435 เมตร) สายกรุงเทพ-หนองคาย รถไฟขนาดราง 1 เมตร (Meter Gauge) ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเส้นทางที่เชื่อมไปยังบริเวณต่างๆ ของประเทศ ทั้งสายเหนือ สายอีสาน และสายใต้ นอกจากนี้ สถานีกลางบางซื่อจะยังเป็นศูนย์รวมของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯอีกหลายเส้นทางด้วย

ขณะเดียวกัน การรถไฟฯ ยังอยู่ในระหว่างการวางแผนพัฒนาที่ดินบริเวณรอบสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาเชิงธุรกิจ 305.5 ไร่ โดยย่านธุรกิจแห่งใหม่นี้ ประกอบด้วย 4 โซน

โซน เอ ขนาดที่ดินประมาณ 35 ไร่ มีแผนการพัฒนาเป็น “ศูนย์กลางธุรกิจครบวงจร” จะเป็นแหล่งรวมอาคารสำนักงานที่ทันสมัย โรงแรม และศูนย์อาหารสำหรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ

โซน บี ขนาดที่ดินประมาณ 78 ไร่ จะพัฒนาเป็น “ย่านพาณิชยกรรมแห่งใหม่” แหล่งค้าปลีก-ค้าส่งระดับอาเซียน

โซน ซี ขนาดที่ดินประมาณ 105 ไร่ จะกลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งทำงาน และแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ

โซน ดี ขนาดที่ดินประมาณ 87.5 ไร่ จะพัฒนาเป็น “จุดเปลี่ยนถ่ายและศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทาง” ทำหน้าที่เชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชนระบบหลัก ทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT มายังสถานีกลางบางซื่อและพื้นที่พัฒนาโซนเอ บี ซี อีกด้วย
 

 

ด้านตลาดคอนโดมิเนียมบริเวณเตาปูน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่บริเวณรอบสถานีบางซื่อ คือ ถนนประชาราษฎร์สาย 1 ประชาราษฎร์สาย 2 ถนนประชาชื่น ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี จากซอย 1-39 และ 2-50 มีจำนวนอุปทานประมาณ 10,878 หน่วย ซึ่งการพัฒนาคอนโดมิเนียมบริเวณนี้เริ่มต้นเมื่อปี 2554 โดยในปีดังกล่าวมีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายประมาณ 803 หน่วย และต่อมาปี 2555 มีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายในบริเวณนี้อีก 1,257 หน่วย จาก 3 โครงการ ส่วนปี 2556 มีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3,781 หน่วย และปี 2557 พบว่ามีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่สูงที่สุด คือ ประมาณ 5,037 หน่วย
 
ในส่วนของอุปสงค์คอนโดมิเนียมบริเวณนี้ค่อนข้างดี มีจำนวนหน่วยที่ขายแล้ว 8,768 หน่วย จากที่เปิดขาย 10,878 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 80.6 มีจำนวนหน่วยเหลือขายเพียง 2,110 หน่วย อัตราการขายคอนโดมิเนียมบริเวณนี้เฉลี่ยสูงถึงประมาณ 1,800 – 2,000 หน่วยต่อปี

ทั้งนี้ ราคาขายคอนโดมิเนียมบริเวณนี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 88,000 บาท ต่อตารางเมตร เพิ่มจากปี 2554 ที่ราคา 66,360 บาทต่อตารางเมตร และมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิน 100,000 บาท ต่อตารางเมตร ขณะที่หลายโครงการในย่านนี้ได้เปิดขายโครงการในราคาที่สูงกว่า 120,000 บาทต่อตารางเมตร

นอกจากนี้ การปรับเพิ่มขึ้นของต้นทุนราคาที่ดินที่สูงกว่า 350,000 บาทต่อตารางวาในปัจจุบัน จะส่งผลให้ราคาขายคอนโดในอนาคตมีราคาขายเฉลี่ยสูงกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร ขณะที่ความต้องการที่ดินที่จะนำไปพัฒนาโครงการยังมีอยู่ต่อเนื่อง เพราะมีศักยภาพมาก จากการพัฒนาของสถานีกลางบางซื่อและโครงการรถไฟฟ้าระบบรางต่างๆ ที่จะแล้วเสร็จในปี 2562 ย่อมส่งผลต่อความต้องการซื้อจะหลั่งไหลเข้ามาอยู่ในพื้นที่เตาปูน-บางซื่อ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาขายคอนโดมิเนียมขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับราคา 120,000 บาทต่อตารางเมตร หรืออาจสูงถึง 150,000 บาท ต่อตารางเมตรในบางโครงการ
 
อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งใกล้จะแล้วเสร็จและได้เปิดให้ประชาชนทดลองใช้ในเดือนพฤษภาคม 2559 และเปิดให้บริการจริงในเดือนสิงหาคม 2559 และการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงสถานีบางซื่อ-เตาปูนในเดือนสิงหาคม 2559 จะทำให้เกิดการเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีม่วง กับระบบขนส่งมวลชนแบบรางระบบอื่นๆ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพและความสะดวกในการเดินทางของพื้นที่ย่านเตาปูนและความต้องการที่อยู่อาศัยย่านเตาปูนมาก


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 07 มี.ค. 2559 เวลา : 12:11:17
18-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 18, 2024, 11:48 pm