แบงก์-นอนแบงก์
แบงก์กรุงเทพมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/59 จำนวน7,169 ลบ.ลดลง 10.8% จากงวดเดียวกันปีก่อน


 


ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2559 มีกำไรสุทธิ จำนวน 7,169 ล้านบาท ลดลง 866 ล้านบาท หรือ 10.8% จากงวดเดียวกันปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 15,596 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,378 ล้านบาท หรือ 18% และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ เพิ่มขึ้น 0.30% เป็น 2.27% เนื่องจากต้นทุนเงินรับฝากลดลง

สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 9,250 ล้านบาท ลดลง 2,077 ล้านบาท หรือ 18.3% ส่วนใหญ่เป็นผลจากกำไรสุทธิจากเงินลงทุนลดลง ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิมีจำนวน 5,976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 550 ล้านบาท หรือ 10.1% รายการที่สำคัญมาจากค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อ ส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 12,599 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,010 ล้านบาท หรือ 8.7% สาเหตุหลักเกิดจากค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
          
ด้านเงินกองทุน ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนอยู่ในระดับที่ดี สามารถรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งหากนับรวมกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.59 รวมเข้าเป็นเงินกองทุน อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณ 18.8%, 16.8% และ 16.8% ตามลำดับ
          
ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 30 มิ.ย.59 มีจำนวน 369,097 ล้านบาท คิดเป็น 12.6% ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 193.36 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 3.80 บาท จากสิ้นปี 58
          
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เงินให้สินเชื่อของธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น 2.0% จากสิ้นปีก่อน ขณะเดียวกันรายได้จากการดำเนินงานหลักทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิของธนาคารในไตรมาส 2/59 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม จากภาวะตลาดการเงินที่ผันผวนมากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ ของธนาคารลดลงนอกจากนี้ ธนาคารยังคงการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอย่างต่อเนื่องโดยยึดหลักความระมัดระวัง ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้มีจำนวน 7,169 ล้านบาท 

เศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มค่อยๆ ขยายตัว ได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐและการท่องเที่ยว ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนเริ่มปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนยังฟื้นตัวช้าและจำกัดอยู่ในบางธุรกิจ และการส่งออกยังคงหดตัวตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ จากปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจดังกล่าวส่งผลให้ ณ สิ้นเดือน มิ.ย.59 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,906,936 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38,033 ล้านบาท หรือ 2.0% จากสิ้นปี 58 โดยเติบโตจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ และรายกลาง ลูกค้าบุคคล และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ
          
สำหรับคุณภาพเงินให้สินเชื่อ ภาคธุรกิจยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างช้าๆ และการส่งออกที่ยังคงซบเซา จึงส่งผลให้สินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคาร ณ สิ้นเดือน มิ.ย.59 มีจำนวน 67,995 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.1% ของเงินให้สินเชื่อทั้งนี้ ธนาคารได้เน้นการบริหารความเสี่ยงด้านคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมพร้อมทั้งให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือลูกค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องเสมอมา 

นอกจากนี้ ธนาคารยังคงยึดหลักความระมัดระวังด้วยการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ณ สิ้นเดือน มิ.ย.59 ธนาคารมีเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในระดับสูงที่ 111,863 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.9% ของเงินให้สินเชื่อ โดยในไตรมาสนี้ ธนาคารมีค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 3,542 ล้านบาท
          
ธนาคารให้ความสำคัญเรื่องการบริหารสภาพคล่องให้เพียงพอควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ณ สิ้นเดือน มิ.ย.59 ธนาคารมีเงินรับฝากจำนวน 2,154,256 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63,291 ล้านบาท หรือ 3.0% จากสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 88.5% เทียบกับ 89.4% ณ สิ้นปีก่อน



 

LastUpdate 21/07/2559 18:34:02 โดย : Admin
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 4:56 am