อสังหาริมทรัพย์
'เอพี ไทยแลนด์ 'เดินหน้าสู่ท็อป 3


 


'เอพี ไทยแลนด์' ประกาศติด 1 ใน 3 ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในใจผู้บริโภค ชูจุดเด่น สร้างความต่างด้วยคุณภาพ  ด้วยจุดแข็งศักยภาพความพร้อม ทั้งผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ ทีมงานคุณภาพ และพันธมิตรคุณภาพ พร้อมลงุน 13 โครงการ มูลค่ากว่า 26,000 ล้าน

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า บริษัทวิสัยทัศน์สู่การเติบโต มุ่งสู่การเป็น 1 ใน 3 บริษัทชั้นนำด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยที่อยู่ในใจผู้บริโภค ด้วยกลยุทธ์ “สร้างความแตกต่างด้วยคุณภาพ” ภายใต้หลักปรัชญาการทำงาน “AP – The Differentiator” ในการสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

‘AP – The Differentiator’ จะสร้างความแตกต่างให้วงการอสังหาริมทรัพย์ ผ่านทั้งตัวสินค้าและบริการ ภายใต้ 4 แนวคิดหลัก 1. SPACE OPTIMIZATION แตกต่างในการพัฒนานวัตกรรมดีไซน์ เพื่อพื้นที่ใช้สอยที่ไม่จำกัด 2. CONVENIENT แตกต่างในวิธีคิดที่ทุกพื้นที่ต้องเอื้อให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายทั้งในบ้านและนอกบ้าน  และเชื่อมต่อทุกรูปแบบการเดินทางที่สะดวกที่สุดสำหรับคนเมือง 3. QUALITY มุ่งยกระดับคุณภาพสินค้าให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งได้ร่วมมือกับมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MEC) พันธมิตรทางธุรกิจในการร่วมกันสร้าง AP CHECK LIST ขึ้น ซึ่งจะเป็นคู่มือสำคัญในการควบคุมการพัฒนาโครงการที่เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการออกแบบที่มีคุณภาพ ไปจนถึงขั้นตอนการก่อสร้างและกระบวน การตรวจสอบงานที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้จากทางญี่ปุ่น และ 4. HUMAN DEVELOPMENT มุ่งสร้างความแตกต่างทั้งระบบความคิดและการบริหารจัดการให้กับคนเอพีอย่างต่อเนื่อง ผ่าน  AP ACADEMY สถาบันเพื่อการเรียนรู้ครบวงจรด้านอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกของไทย
 

บริษัทมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ 13 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 26,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 10 โครงการ บ้านเดี่ยว 8 โครงการ และทาวน์โฮม 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 10,800 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมจ 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 15,200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยเปิดตัวตามแผนงานที่วางไว้ และเชื่อว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน

โดยในช่วงไตรมาส 3-4 เป็นช่วงที่มีคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างพร้อมกัน 8 โครงการ ได้แก่ 1.Aspire งามวงศ์วาน มูลค่า 2,680 ล้านบาท 2.Vittorio มูลค่า 3,500 ล้านบาท 3.RHYTHM สุขุมวิท 42 มูลค่า 3,500 ล้านบาท 4. RHYTHM อโศก มูลค่า 1,500 ล้านบาท 5.Aspire วุฒากาศ มูลค่า 390 ล้านบาท 6.RHYTHM สุขุมวิท 36-38 มูลค่า 2,900 ล้านบาท 7. Aspire รัชดา-วงศ์สว่าง มูลค่า 2,850 ล้านบาท และ 8.Aspire สาทร-ท่าพระ มูลค่า 3,500 ล้านบาท โดย 3 โครงการหลังเป็นคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับทาง MEC ซึ่งคาดว่าจะเริ่มพร้อมเปิดให้ลูกค้าเข้าตรวจรับห้องชุดได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้
 

ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกรฎาคม บริษัทมีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มากถึง 12,834 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ มูลค่า 3,210 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียม มูลค่า 9,624 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้มูลค่าประมาณ 4,633 ล้านบาท และส่วนที่เหลือในปี 2560-2561 สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก มีรายได้รวมเท่ากับ 8,602 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิเท่ากับ 981 ล้านบาท
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 ส.ค. 2559 เวลา : 16:08:36
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 10:09 pm