เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
จับตาราคาน้ำมัน "ขาขึ้น" ช่วงปีใหม่


ทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา  ย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายให้ชะลอตัว แม้รัฐบาลจะพยายามกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศช่วงสิ้นปี   

 

 

โดย นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน ยอมรับว่า แนวโน้มราคาน้ำมันในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น ตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เนื่องจากประเทศในกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกได้บรรลุข้อตกลงในการลดกำลังการผลิตน้ำมัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 4% และคาดว่าจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในช่วงต้นปี 2560 และตลอดทั้งปีราคาน้ำมันจะเป็นขาขึ้น
         
ทั้งนี้ เชื่อว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จะส่งผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวของประชาชนในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่เพียงเล็กน้อย และคาดว่าในช่วงดังกล่าว ราคาน้ำมันในประเทศจะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 1-2 บาทต่อลิตร

 
นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รมว.พลังงานรัสเซีย(ซ้าย)จับมือกับคาลิด อัล ฟาลิห์ รมว.พลังงานซาอุดีอาระเบีย หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย เมื

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/808876

ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นถึง 4% สูงสุดตั้งแต่ปี 2557 เมื่อวันจันทร์ที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังองค์กรร่วมประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อส่งออก (Organization of the Petroleum Countries) หรือกลุ่มโอเปก ซึ่งมีสมาชิก 14 ประเทศ และกลุ่มนอกโอกเปก 11 ประเทศ สามารถบรรลุข้อตกลงกันเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี ร่วมกันควบคุมราคาน้ำมัน และผ่อนคลายภาวะน้ำมันล้นตลาดโลก ด้วยการที่กลุ่มนอกโอเปกตกลงจะลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 558,000 บาร์เรลต่อวัน เป็นเวลา 6 เดือน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปี 2560 และเมื่อครบกำหนด 6 เดือนแล้ว จะพิจารณากันใหม่อีกครั้ง
        
การจับมือระหว่างกลุ่มโอเปกและกลุ่มนอกโอเปกในครั้งนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวขึ้นทันที แตะราคา 57.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่ก.ค.2557 ขณะที่น้ำมันดิบ ยูเอส เวสต์ เทกซัส อินเตอร์มิเดต (WTI) ก็ปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 54.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดตั้งแต่ ก.ค.2557 เช่นกัน
         

 

ทั้งนี้ กลุ่มนอกโอเปก 11 ประเทศ ประกอบด้วย อาร์เซอร์ไบจาน บาห์เรน บรูไน อีกัวทอเรียล กินี คาซัคสถาน มาเลเซีย เม็กซิโก โอมาน รัสเซีย ซูดาน และซูดานใต้ ได้ตกลงที่จะลดกำลังการผลิตลงวันละ 558,000 บาร์เรล     ซึ่งน้อยกว่าที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะลดวันละ 600,000 บาร์เรล แต่ก็ถือว่าเป็นการลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มนอกโอเปกปริมาณมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น โดยเฉพาะรัสเซียจะลดกำลังการผลิตลงถึง 3 แสนบาร์เรลต่อวัน แต่จะเป็นการลดอย่างค่อยเป็นค่อยไป  

หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่  30 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปก 14 ประเทศ ได้บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ที่จะลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อหวังดึงราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ราคาตกต่ำต่อเนื่องมานานกว่า 2 ปีแล้ว ให้ปรับสูงขึ้น


ขอบคุณภาพ : เอเอฟพี


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 12 ธ.ค. 2559 เวลา : 21:38:29
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 5:31 pm