การส่งออกเดือนพ.ย.2559 ที่ขยายตัวสูงถึง 10.19 % ซึ่งนับว่าสูงสุดในรอบ 9 เดือน ได้จุดประกายและส่งสัญญาณเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น

โดย พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยภายหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออกเดือน พ.ย.59 ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ยินดีที่ได้รับทราบข้อมูลตัวเลขการส่งออกล่าสุดว่าขยายตัวถึง 10.19%
        

เพราะตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของการส่งออกไทย โดยตลาดส่งออกสำคัญ ทั้ง ญี่ปุ่น จีน สหภาพยุโรป เอเชียใต้ และสหรัฐฯ รวมถึงหลายประเทศในอาเซียนกลับมาขยายตัวได้ดีเกือบทุกตลาด ขณะที่สินค้าหลายประเภททั้งสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตร ก็ขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เช่น เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ กลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบกว่า 25 เดือน
         
โดยในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้ผลักดันการส่งออกอย่างเต็มที่ แต่ด้วยปัจจัยภายนอกทำให้ตัวเลขการส่งออกไม่เป็นไปตามเป้า แต่นับจากนี้เมื่อเศรษฐกิจโลกดีขึ้น ไทยก็จะได้รับประโยชน์ตามไปด้วย โดยคาดว่า GDP ไตรมาส 4 ของปีนี้น่าจะอยู่ที่ 3.0-3.5% ขณะเดียวกันรัฐบาลก็จะกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศด้วยมาตรการต่างๆ เพื่อให้สอดรับกัน

สอดคล้องกับมุมมองของ นายกอบศักดิ์  ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เชื่อว่า แม้ตัวเลขการส่งออกจะหักน้ำมันและทองคำออกแล้ว แต่การส่งออกยังขยายตัวเป็นบวก ถือเป็นสัญญาที่ดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม   ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสินค้าเกษตรที่ขยายตัวดี ทั้งจากข้าวที่ขยายตัวได้ 26% ยาง 16% และมันสำปะหลังที่ขยายตัวได้ถึง 18%

สำหรับภาพรวมการส่งออกในปี 2560 คาดว่าจะขยายตัวได้ 2-3% สอดคล้องกับตัวเลขของสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.ที่คาดการส่งออกปี 2560 ที่ 2.4% และกระทรวงพาณิชย์ประเมินไว้ที่ 2.5-3%  ซึ่งการส่งออกที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จะส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ในปี 2559-2560 โดยมองว่า ในช่วงเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม หากการส่งออกขยายตัวได้ในระดับ 10% จะส่งผลให้จีดีพีในไตรมาส 4/2559 ขยายตัวได้ 3-3.5% และทั้งปี 2559 ขยายตัวได้ 3-3.5%

ส่วนมุมมอง นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ขนส่งสินทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท. เห็นว่า ตัวเลขส่งออกเดือน พ.ย. ที่กลับมาเป็นบวกถึง 10.19%  นั้น ถือว่าเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ซึ่งน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยเห็นได้จากการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป และเม็ดพลาสติกเพิ่มขึ้นมาก  รวมทั้งทองคำที่มีการส่งออกเพื่อการเก็งกำไรเพิ่มขึ้น แต่ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีที่เศรษฐกิจโลกเริ่มกลับมาดีขึ้น รวมทั้งเอกชนไทยที่ยังแข็งแกร่งและส่งออกสินค้าได้เพิ่มขึ้น  

ดังนั้นโอกาสที่การส่งออกไทยในปีนี้จะกลับมาเป็นบวก 0 % ถึงมากกว่า 0% เล็กน้อยมีมากขึ้น ซึ่งจะสอดคล้องกับที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการส่งออกในช่วงเดือนธ.ค.น่าจะเป็นบวกเช่นกัน จากคำสั่งซื้อช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง และการสั่งสินค้าเตรียมไว้ขายในช่วงไตรมาส 1  ในขณะที่ สรท.คาดการณ์ว่า การส่งออกปีนี้จะโตที่  0% ถึงติดลบ 1%
        
และในปีหน้า สรท. คาดการณ์ การส่งออกไทยน่าจะเพิ่มขึ้นได้ที่ 0 ถึง 1% จากปัจจัยราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นและจะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรขยับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งการส่งออกสินค้าในกลุ่มอาหาร และการส่งออกไปในตลาดสหรัฐ, อาเซียน น่าจะเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ สหรัฐอเมริกา