กคช.ร่วมกับ ม.เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.เชียงใหม่ ศึกษาวิจัย "โครงการศึกษาแนวทางการเลือกใช้ระบบก่อสร้างชิ้นส่วนสำเร็จรูปที่เหมาะสมกับผู้อยู่อาศัยที่มีรายได้น้อย - ปานกลาง" เพื่อศึกษาทางเลือกในการเลือกใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างด้วยระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูปที่สามารถประหยัดราคาก่อสร้าง และการศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย – ปานกลาง

ดร.ธัชพล  กาญจนกูล  ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการเจริญเติบโตของเมืองและประชากรที่เพิ่มขึ้น ทำให้ที่อยู่อาศัยไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวสูงขึ้นไปด้วย จึงทำให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางไม่สามารถเป็นเจ้าของได้ การเคหะแห่งชาติจึงหาทางเลือกใหม่ๆ เพื่อลดต้นทุนการก่อสร้าง ด้วยการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ ศึกษาวิจัย “โครงการศึกษาแนวทางการเลือกใช้ระบบก่อสร้างชิ้นส่วนสำเร็จรูปที่เหมาะสมกับผู้อยู่อาศัยที่มีรายได้น้อย – ปานกลาง” เพื่อศึกษาทางเลือกในการเลือกใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างด้วยระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูปที่สามารถลดต้นทุนและลดระยะเวลาดำเนินงานก่อสร้างและการใช้แรงงาน

พร้อมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ของการจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย – ปานกลาง โดยนำระบบอุตสาหกรรมแบบชิ้นส่วนสำเร็จรูปมาใช้ในการออกแบบและการก่อสร้าง ทั้งในด้านกายภาพ การผลิต การเงิน การลงทุน ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และสังคม รวมถึงการวิเคราะห์ความเสี่ยงของโครงการ รวมทั้งพัฒนาอาคารต้นแบบในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย – ปานกลางในโครงการอื่นๆ ด้วย และยังเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีการออกแบบและระบบการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย  ประเภทต่างๆ ของกคช.เพื่อนำไปสู่ระบบอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐานในระดับสากลต่อไป

ข้อดีของระบบพรีคาสท์ (Precast Concrete)  หรือระบบก่อสร้างแบบชิ้นส่วนสำเร็จรูปมีมากมาย อาทิ การก่อสร้างมีคุณภาพที่สม่ำเสมอ เนื่องจากกระบวนการผลิตชิ้นงานทุกขั้นตอนถูกควบคุมด้วยระบบเทคโนโลยีทันสมัย มีความแข็งแรงทนทานและใช้เป็นโครงสร้างรับน้ำหนักได้ (Load Bearing Wall) ซึ่งคณะผู้วิจัยฯ ได้ศึกษาการก่อสร้างระบบก่อสร้างชิ้นส่วนสำเร็จรูปที่นิยมใช้ในประเทศไทย พบว่า การก่อสร้างระบบผนังรับแรง (Bearing Wall) เหมาะสมมากที่สุดกับการจัดทำโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย – ปานกลาง เพราะมีการรวมเสา ผนัง และคานเป็นชิ้นเดียวกัน ด้วยการหล่อคอนกรีตเป็นแผ่นสำเร็จ และใช้ส่วนที่เป็นผนังในการรับแรงที่เกิดขึ้นในแนวดิ่งทั้งหมดของอาคารถ่ายน้ำหนักลงฐานราก โดยค่าก่อสร้างจะมีราคาถูกกว่าการก่อสร้างระบบโครงสร้างทั่วไป ประมาณ 5 – 15% และยังลดระยะเวลาการก่อสร้างลงประมาณครึ่งหนึ่งจากการก่อสร้างแบบทั่วไป ลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนด้วย