อสังหาริมทรัพย์
MQDC เปิดตัวนวัตกรรมบ้านอัจฉริยะ ตอกย้ำกลยุทธ์องค์กรด้าน Well-Being ส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย


บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยและมิกซ์ยูสคุณภาพ แบรนด์แมกโนเลียส์ (Magnolias) และวิสซ์ดอม (Whizdom) เปิดตัวระบบการปฏิบัติการ FULLY- INTEGRATED HOME INTELLIGENT SYSTEM FOR WELL-BEING นวัตกรรมบ้านอัจฉริยะที่จะช่วยส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ความสะดวกสบายของผู้อยู่อาศัยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน  เพื่อตอบโจทย์แบรนด์ดีเอ็นเอหรือแก่นแท้ของแบรนด์ที่ว่าด้วยเรื่อง ‘Sustainnovation’ อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัวนวัตกรรม การบูรณาการ การวัดค่าคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ หรือ Co2 และ ERV หรือ Energy Recovery Ventilation  ซึ่งเป็นระบบปรับคุณภาพอากาศในอาคารเป็นรายแรกของไทยเสริมระบบบ้านอัจริยะ (Home Intelligent System) ให้สมบูรณ์แบบในทุกมิติ


 

การเอาใจใส่ส่งเสริมให้ลูกบ้านผู้อยู่อาศัย ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น (Well-being) ในทุกด้าน คือหัวใจ การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของ MQDC ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่สามารถทำให้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น MQDC ยังพัฒนานวัตกรรมที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพของผู้อยู่อาศัยอีกด้วย โดยเฉพาะคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality - IAQ) ซึ่งนับเป็นภัยร้ายที่แฝงตัวอยู่ในชีวิตประจำวันของเราทุกคนผ่านการใช้ชีวิตในห้องปรับอากาศทั้งในเวลากลางวันกลางคืน ทั้งที่ทำงานและที่พักอาศัย


MQDC จึงได้นำระบบ Home Intelligent System ที่เน้นการส่งเสริมด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยผ่านการพัฒนาระบบคุณภาพอากาศภายในโดยใช้ ERV หรือ ที่เรียกว่า Energy Recovery Ventilation ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกนวัตกรรมที่เป็นไฮไลท์สำคัญของระบบบ้านอัจฉริยะ ซึ่งช่วยให้เกิดการถ่ายเท หมุนเวียนอากาศที่ดีเข้ามาในที่อยู่อาศัยเพื่อเพิ่มปริมาณอ็อกซิเจนในห้องปรับอากาศให้เหมาะสมกับปริมาณผู้ที่อยู่อาศัย


ดร.จิตพัต ฉอเรืองวิวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เปิดเผยว่า จากงานวิจัยขอ International Centre for Indoor Environment and Energy, Department of Civil Engineering, Technical University of Denmark พบว่าการอยู่ในห้องปรับอากาศ เป็นเวลานานจะส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เนื่องจากในห้องจะมีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มาจากการหายใจออก การเผาผลาญของร่างกาย ของผู้อยู่อาศัยในห้องเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลต่อร่างกายให้มีอาการเพลีย ง่วงนอน ปวดศรีษะ และเหนื่อยง่าย รวมถึงมีผลต่อการตัดสินใจ และประสิทธิภาพการทำงาน


ขณะที่ ระบบ ERV (Energy Recovery Ventilation) เป็นเทคโนโลยีสำคัญของ Home Intelligent System โดยระบบ ERV จะทำงานสัมพันธ์กับระบบอื่นๆ ของระบบเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะ (Home Intelligent System) จะช่วยถ่ายเทให้ห้องที่เราอยู่มีอากาศที่มีคุณภาพที่ดีขึ้นและมีผลดีต่อสุขภาพ โดยระบบนี้จะตรวจวัดคุณภาพอากาศ (คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ หรือ CO2) ภายในห้องนอนและห้องนั่งเล่นตลอดเวลา หากพบว่ามีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 มากกว่าที่กำหนดไว้ ระบบจะทำการเชื่อมโยงอัตโนมัติไปยังเครื่อง ERV เพื่อเติมอากาศจากด้านนอกเข้ามาภายในห้อง และนำอากาศในห้องออกสู่ภายนอกบ้าน/อาคาร จนสภาพอากาศมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ลดน้อยลงจนเหมาะกับการพักผ่อนที่มีคุณภาพ


ปริมาณ CO2 และคุณภาพอากาศภายในอาคาร เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพ เฉลี่ยแล้วคนใช้ชีวิตร้อยละ 90 ในการทำกิจกรรมอยู่ภายในอาคาร ดังนั้นหากอาคารมีการระบายอากาศที่ไม่เพียงพอจะทำให้สารระเหยหรือมลพิษในอากาศสะสมอยู่ภายในอาคารได้รวมทั้งปริมาณ CO2 ที่เกิดจากการหายใจเผาผลาญของร่างกายของผู้ใช้งานอาคาร ก็อาจสะสมจนมีปริมาณมากขึ้นจนกระทบต่อสุขภาพได้


ร่างกายตลอดเวลา ทำให้เรารับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มากกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งในเบื้องต้น ร่างกายจะไม่แสดงอาการอะไรออกมา จนกว่าจะเกิดการสะสมในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ มากมายเช่นความจำเสื่อมของผู้สูงวัย หรือสมองพัฒนาล่าช้าสำหรับวัยเด็ก ฯลฯดร.จิตพัต กล่าวและย้ำว่า หากใครที่ไม่มีระบบ ERV ก็สามารถเติมอ๊อกซิเจนเข้ามาในห้องนอนได้ ด้วยการแง้มประตู กระจก หรือเปิดเครื่องดูดอากาศในห้องนอนให้อากาศจากด้านนอกมีโอกาสไหลเวียนเข้ามาในห้องนอนเพื่อลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง ทั้งนี้ระดับค่าคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นระดับมาตรฐานที่จะมีผลกระทบน้อยต่อสุขภาพคือที่ระดับต่ำกว่า 1000 ppm  (1 PPM =1 part per million หรือ 1 1 000 000 ส่วน)


ระบบเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะ (Home Intelligent System) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีนวัตกรรมที่ MQDC จะนำมาติดตั้งในโครงการ วิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา-ท่าพระ ที่จะเปิดในช่วงไตรมาส 3 ปี 2561 เป็นโครงการแรก ซึ่งถือเป็นโครงการแรกในประเทศไทย และของ MQDC ที่ติดตั้งระบบพัฒนาคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality -IAQ)


ทั้งนี้ MQDC มองเห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนาคุณภาพอากาศภายในอาคารโดยทั้งตัวอาคาร และห้องพักในทุกโครงการของ MQDC ถูกออกแบบให้มีอากาศถ่ายเทได้ดี เพื่อให้ผู้พักอาศัยได้รับอากาศที่มีคุณภาพอย่างเต็มที่ ซึ่ง MQDC ถือเป็น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รายแรกเพียงรายเดียว ที่ให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาคุณภาพอากาศภายในอาคาร ตอกย้ำกลยุทธ์องค์กรด้านWell-Being พัฒนาสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ดีขึ้นในอย่างยั่งยืน 

 


 

ด้าน นายทรงพล  พลรัฐ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (DTGO) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ MQDC กล่าวว่า เรายังมีอีกระบบที่น่าสนใจคือระบบ Energy Measurement Unit หรือ EMU ซึ่งเป็นระบบแสดงผลอัตโนมัติ ผ่าน Smart Devices ต่างๆ ที่รายงานค่าการใช้พลังงานไฟฟ้า รายวัน รายเดือน และรายปี  อีกทั้งยังเปิดให้สามารถตั้งเป้าหมายการใช้พลังงานในแต่ละเดือนได้ด้วยว่า จะจำกัดการใช้พลังงานไว้ที่งบประมาณเท่าไร โดยระบบจะแจ้งเตือนและแสดงให้เห็นปริมาณการใช้พลังงานเพื่อกระตุ้นให้เกิดการตระหนัก การใช้พลังงานอย่างเหมาะสม และสนุกไปกับการประหยัดการใช้พลังงาน ที่เห็นผลลัพธ์ซึ่งจับต้องได้ในทุก วัน อีกด้วย


สำหรับโครงการ วิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา-ท่าพระ เป็นโครงการแรกของประเทศไทยและของ MQDC ที่นำระบบ Home Intelligent System มาประยุกต์ใช้เป็นคอนโด High Rise 37 ชั้น 690 ยูนิต และร้านค้า 6 ยูนิต เพียง 1 นาที ถึง BTS สถานีตลาดพลู และ 5 สถานีถึงสาทร-สีลม ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกวาม90%  คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จภายในปี 2561



บันทึกโดย : วันที่ : 23 มิ.ย. 2560 เวลา : 12:36:52
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 1:20 am