การส่งออกรถยนต์ของไทยในปีนี้ อาจจะไม่สดใสอย่างที่หลายฝ่ายตั้งความหวัง หลังจากที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กลุ่มยานยนต์ ยอมรับว่ากำลังพิจารณาปรับลดเป้าหมายการส่งออกรถยนต์ในปีนี้ใหม่ นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เปิดเผยว่า ในปีนี้ยอดการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป อาจต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.2 ล้านคัน หลังจากผ่านมา 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.60) มียอดส่งออกลดลงร้อยละ 9.12 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะยอดส่งออกไปตลาดตะวันออกกลางที่ลดลงอย่างมาก หลังได้ออกระเบียบเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานเพื่อลดมลพิษ และถือว่ายอดการส่งออกลดลงต่อเนื่องมา 11 เดือน โดยจะรอดูตัวเลขเดือน มิ.ย. 60 ก่อนว่าจะมีการปรับเป้าส่งออกหรือไม่
โดยเดือน พ.ค. 60 การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 90,092 คัน ลดลงร้อยละ 9.5 จาก พ.ค.59 โดยเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 ในทุกตลาดคิดเป็นมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 48,014.47 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12.69 จาก พ.ค.59 ขณะที่ยอดรวมในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค.59 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 443,320 คัน ลดลง 9.12% จากช่วงเดียวกันของปี 59 และช่วง ม.ค.-พ.ค.60 จำนวนการผลิตรถยนต์อยู่ที่ 775,523 คัน ลดลงร้อยละ4.67 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านนายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลังประกาศปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฮบริดว่า น่าจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะการเพิ่มยอดขายในประเทศให้มากขึ้น เพราะจะทำให้รถไฮบริดมีราคาถูกลง เพิ่มแรงจูงใจผู้บริโภคเลือกซื้อ
ขณะที่นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์เดือนพ.ค.60 มีปริมาณการขาย 66,422 คัน เพิ่มขึ้น 0.6% โดยตลาดรถยนต์นั่งเติบโต 4.4% แต่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ลดลง 1.7%
ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ลูกค้าที่จองรถตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมาทยอยได้รับรถเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่สถานการณ์การเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวนสูง ตลอดจนราคาพืชผลทางการเกษตรที่มีการปรับตัวลดลงและทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้กำลังซื้อโดยรวมในเดือนนี้ยังไม่เกิดการขยายตัวมากนัก
ขณะที่ตลาดรถยนต์สะสม 5 เดือน มีปริมาณการขาย 340,179 คัน เพิ่มขึ้น 12.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งเติบโต 27.3% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เติบโต 4.7% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด และกิจกรรมส่งเสริมการขายของค่ายรถต่างๆที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงต้นปี และสภาพเศรษฐกิจของไทยที่อยู่ในช่วงของการฟื้นตัว
สำหรับตลาดรถยนต์ในเดือนมิถุนายน นายวุฒิกร คาดว่า มีแนวโน้มทรงตัว ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจะได้รับผลบวกจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและอยู่ในช่วงเริ่มฟื้นตัว แต่อย่างไรก็ตามดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนพ.ค.มีการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน จากความกังวลต่อความผันผวนของสภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตรที่ยังทรงตัวในระดับต่ำ เป็นปัจจัยที่ทำให้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้แนวโน้มตลาดรถยนต์ในเดือนมิถุนายนยังอยู่ในสภาวะทรงตัว
ข่าวเด่น