ดร.วชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ บอกในงานสัมมนา "เงินบาทแข็งค่า ธุรกิจจะต้านทานได้แค่ไหน" จัดโดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยว่า ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวแข็งค่าขึ้น ดังนั้น ผู้ส่งออกโดยเฉพาะผู้ส่งออกที่เป็น sme ควรที่จะต้องทำการป้องกันความเสี่ยง ซึ่งปัจจุบันพบว่าผู้ส่งออกที่เป็น sme มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ดร.วชิรา ย้ำด้วยว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นไม่ได้เป็นปัจจัยหลัก ที่กระทบต่อการส่งออกของไทย แต่จะขึ้นกับเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าเป็นหลักโดยจะเห็นได้จากเมื่อเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าชะลอตัว ทำให้การส่งออกของไทยชะลอตัวลงตาม แต่เมื่อเศรษฐกิจของประเทศผู้ค้าขยายตัวได้ดีและเงินบาทแม้จะแข็งค่าขึ้นแต่การส่งออกก็ยังจะเติบโตได้ได้ดี
ส่วนความท้าทายการส่งออกปีนี้ คือ ความต่อเนื่องของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นโยบายกีดกันทางการค้าการตอบสนองความต้องการสินค้าในรูปแบบใหม่ๆ การค้าในยุคดิจิตอล และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน พร้อมแนะผู้ประกอบการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยส่งเสริมให้ใช้เงินสกุลท้องถิ่นในการรับและชำระเงิน การเปิดบัญชีเงินฝากสกุลเงินตราต่างประเทศ
ด้านดร. ศรพล ตุลยะเสถียร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง บอกว่า ในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า ผู้ประกอบการควรจะใช้ประโยชน์ในการเปลี่ยนเครื่องจักร หรือเข้าซื้อกิจการหรือขยายโอกาสทางการลงทุนใปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในอาเซียนเพราะจากการวิจัยของธนาคารโลกพบว่าประเทศอาเซียนมีการขยายตัวหรือเติบโตติด 1 ใน 10 ประเทศ ที่จะมีการขยายตัวได้สูงติดอันดับต้นๆของโลก
ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะกระทบความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ ซึ่งผู้ประกอบการต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและวางแผนกลยุทธ์เพื่อรองรับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนด้วย อย่างไรก็ดี การส่งออกของไทยตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมามีทิศทางการฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยในเดือน พ.ค. การส่งออกไปจีนขยายตัวร้อยละ 28.3 ญี่ปุ่นร้อยละ 26.4 ยุโรปร้อยละ 13.4 และอาเซียนร้อยละ 13
นายศักดิ์ชัย วิจัยธรรมฤทธิ์ กรรมการ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการ SME ของไทยปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 2.7 ล้านราย แบ่งเป็นเป็นผู้ส่งออกโดยตรงจำนวน 3 หมื่นราย แต่มีการทำป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเพียงแค่ 3 พันราย ซึ่งสิ่งที่ SME ไทยต้องการมากที่สุด คือ เรื่องของข้อมูล หรือความรู้ในการดำเนินธุรกิจส่งออก จึงแนะนำให้รัฐบาลและภาคธนาคารให้ความรู้และส่งเสริมการลงทุนให้กับผู้ประกอบการ
นายบุญกิต จิตรงามปลั่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบนสัน จิวเวลรี่ จำกัด ในฐานะประธานกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ทุกคนมีความเกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งในอันดับแรกต้องดูตัวเองก่อนว่า เป็นบุคคลประเภทใด หากเป็นผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก ควรที่จะป้องกันความเสี่ยงตามความเหมาะสมของธุรกิจ และหากเป็นบุคคลธรรมดาที่มีเงินเก็บในธนาคารหลัก 10 ล้านบาทขึ้นไป ควร Diversifly เงินเก็บของตัวเองไปลงทุนในต่างประเทศที่ให้ผลตอบแทนในรูปของเงินดอลลาร์เข้ามา แต่ไม่ควรเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยน
ข่าวเด่น