เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการทำธุรกรรมของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยมากขึ้น และล่าสุดธนาคารกสิกรไทยได้คิดค้นระบบ การออกหนังสือค้ำประกันให้ลูกค้า บนบล็อกเชนได้เป็นรายแรกของโลก
ซึ่งนางฤชุกร ศิริโยธิน รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. บอกว่า ธปท. มีนโยบายส่งเสริมการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ โดยมีการนำ regulatory sandbox ให้ผู้ประกอบการทำทดสอบ พัฒนารูปแบบบริการ และความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เปิดให้นำเทคโนโลยีใหม่มาทดลองใช้ ขณะที่ ธปท.จะดูแลเสถียรภาพระบบการเงิน โดยไม่เป็นอุปสรรคต่อการบริการการเงิน หลังจากที่ ธปท. อนุมัติให้ทดลองในแซนด์บอกซก็ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ในการอนุมัติ ซึ่งไม่ต้องการให้ช้าเกินไป เพราะเทคโนโลยีรอไม่ได้ ซึ่งโครงการบล็อกเชนของธนาคารกสิกรไทยก็อยู่ในบล็อกเชน ของ ธปท.
นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรบอกว่า ธนาคารได้ร่วมมือกับ IBM ในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน มาสร้างระบบต้นแบบใช้รับรองเอกสารต้นฉบับ โดยได้เริ่มทดสอบบริการบน regulatory sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทยและจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บมจ.พีทีทีโกลบอล เคมิคอลและ บริษัทพีทีทีโพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง พัฒนาบริการหนังสือค้ำประกันบนเทคโนโลยี block chain เพื่อยกระดับการจัดการเอกสารหนังสือค้ำประกันแก่หน่วยงานผู้รับหนังสือค้ำประกันและคู่ค้าผู้วางหนังสือค้ำประกัน
ซึ่งในปี 2560 ธนาคารคาดว่า ประเทศไทยจะมีการออกหนังสือค้ำประกัน ผ่านระบบธนาคารพาณิชย์มูลค่ารวมกว่า 1.35 ล้านล้านบาท ขยายตัว 8% เมื่อเทียบกับปี 2559 ซึ่งในจำนวนนี้เป็นหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคารกสิกรไทยประมาณ 3.3 แสนล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 25% โดยเป็นการใช้บริการหนังสือค้ำประกันภัยสาขา 80% และผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 20% ซึ่งธนาคารตั้งเป้าว่าในสิ้นปี 2561 จะเพิ่มสัดส่วนการใช้บริการผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์เป็น 35 % โดยมีสัดส่วนการใช้ผ่านblock chain 5%
และเชื่อว่าหนังสือค้ำประกันบนเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เกิดขึ้นในครั้งแรกของโลกนี้ จะถูกนำมาใช้และพัฒนาเป็นมาตรฐานใหม่ที่เป็นสากล เพราะจะช่วยให้ ทุกภาคส่วนในระบบเชื่อมต่อและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีร่วมกัน ช่วยลดปริมาณการใช้กระดาษและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันรองรับการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ thailand 4.0
ด้านนายณรงค์ชัย พิสุทธิ์ปัญญา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีการนำเข้าจะส่งออก ทำให้ต้องใช้หนังสือค้ำประกัน ปัจจุบันมีคู่ค้าที่ใช้หนังสือค้ำประกันอยู่ราว 200-300 แห่ง คิดเป็นมูลค่าราว 1,500 ล้านบาท จำนวนนี้เป็นการออกหนังสือค้ำประกันโดยธนาคารกสิกรไทยราว 50% ซึ่งบริษัทได้เริ่มใช้หนังสือค้ำประกันบนเทคโนโลยีบล็อกเชนในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ขณะนี้มีการใช้หนังสือค้ำประกันบนเทคโนโลยีบล็อกเชนแล้วประมาณ 40 แห่ง มูลค่าราว 300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเมื่อหมดอายุสัญญาจะทยอยย้ายมาอยู่บนบล็อกเชนทั้งหมด ซึ่งบริษัทมีความมั่นใจในบริการนี้ เพราะการใช้เอกสารมีความยุ่งยากและใช้เวลา หรือหากผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์อาจจะถูกภัยไซเบอร์แฮกข้อมมูลได้ ซึ่งบริการนี้มีความปลอดภัยสูงแฮกข้อมูลได้ยาก นอกจากนี้ หากมีพัฒนาต่อยอดนำบล็อกเชนไปให้บริการอื่น ๆ จะสามารถต่อยอดธุรกิจได้อีกมาก
ข่าวเด่น