แบงก์-นอนแบงก์
เอกชนรับธปท.ลดดบ.บัตรเครดิตเหลือ18%กระทบรายได้10%


เสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการ  หลังธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศปรับปรุงเกณฑ์ดูแลสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล   โดยนายฐากร   ปิยะพันธ์   ประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต และประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เปิดเผยว่า หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กำหนดการปรับปรุงแนวทางการกำกับดูแลสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่จะมีผลบังคับใช้กับผู้ขอมีบัตรเครดิตหรือผู้ขอสินเชื่อส่วนบุคคลรายใหม่   พร้อมทั้งประกาศปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตมีผลบังคับใช้กับผู้มีบัตรเครดิตทั้งรายเดิมและรายใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 60 เป็นต้นไปนั้น   เชื่อว่าจะทำให้ภาพรวมของระบบธนาคารพาณิชย์มีรายได้จากธุรกิจบัตรเครดิตลดลง 10%   จากการลดเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตเหลือ 18% จากเดิมที่ 20% ต่อปี

           
โดยเชื่อว่า  ผู้ประกอบการในธุรกิจนี้จะต้องปรับตัวให้สอดคล้องเข้ากับเกณฑ์ใหม่ที่ออกมา และหากลยุทธ์ใหม่ออกมา เพื่อชดเชยรายได้จากธุรกิจบัตรเครดิตที่หายไป   และมั่นใจว่าในอุตสาหกรรมยังคงมีการแข่งขันกันเหมือนเดิม  ซึ่งขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของผู้ประกอบการแต่ละรายว่าจะดำเนินกลยุทธ์อย่างไรที่ จะสามารถหารายได้เข้ามาชดเชยรายได้จากดอกเบี้ยของบัตรเครดิตที่หายไป
         
อย่างไรก็ตาม เกณฑ์ใหม่ของ ธปท.ที่ออกมาควบคุมบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ยังมีข้อดีที่จะทำให้พฤติกรรมการของการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของประชาชนเป็นไปอย่างเหมาะสมกับรายได้ของแต่ละคน และช่วยให้หนี้ภาคครัวเรือนของประชาชนมีอัตราการเพิ่มขึ้นลดลง หรือมีหนี้สินลดลง   ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อประเภทอื่น ๆ ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น  ทั้งสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อรถยนต์  เป็นต้น  ขณะที่แนวโน้มของสัดส่วนหนี้ที่ไม่เกิดรายได้ (NPL) ของระบบคาดว่า  จะทยอยปรับตัวลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากเกณฑ์ใหม่ที่ออกมา
          
ทั้งนี้ มองว่าการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงที่ผ่านมาถึงปัจจุบันไม่ได้เป็นการใช้จ่ายในหมวดสินค้าฟุ่มเฟือย   แต่เป็นการใช้จ่ายในหมวดที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน โดย 5 อันดับแรกที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด ได้แก่ ประกันชีวิต, ท่องเที่ยว, ตกแต่งบ้าน, ห้างสรรพสินค้า และโรงพยาบาล   อีกทั้งการเติบโตของจำนวนบัตรเครดิตในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา มีการเติบโตเพียง 5-6% ต่อปี   ซึ่งเป็นระดับที่ไม่มากจนเกินไป
 
โดยปัจจุบันฐานลูกค้าบัตรเครดิตทั้งระบบอยู่ที่ 20.1 ล้านบัญชี และมียอดสินเชื่อคงค้าง 3.6 แสนล้านบาท  ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลในระบบอยู่ที่ 12.2 ล้านบัญชี   ยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 3.33 แสนล้านบาท   โดยสินเชื่อทั้ง 2 ประเภทคิดเป็น 6% ของหนี้ครัวเรือน  ซึ่งไตรมาสแรกที่ผ่านมา หนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 78.6%  ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 ก.ค. 2560 เวลา : 20:50:16
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 5:26 am