อสังหาริมทรัพย์
ออริจิ้น สร้างแต้มต่อทางธุรกิจ ร่วมทุนยักษ์อสังหาแดนปลาดิบโนมูระ เรียลเอสเตท


 ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ผุดบิ๊กมูฟเดินหน้าร่วมทุนยักษ์อสังหาฯญี่ปุ่นโนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์เดินหน้าขายหุ้น 4 บริษัทย่อยให้โนมูระ บริษัทละ 49% หวังแลกเปลี่ยนโนว์ฮาว พร้อมปรับแผนเปิดโครงการเพิ่มเป็น 12 โครงการ มูลค่า 1.805 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าโกยรายได้เป็น 9,000 ล้านบาท

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการเดินหน้าร่วมทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในทำเลเกาะแนวรถไฟฟ้า ในเซกเม้นท์ระดับกลาง ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัทย่อยในเครือจำนวน 4 บริษัท บริษัทละประมาณ 49% ให้แก่บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด

ประกอบด้วย 1.บริษัท ออริจิ้น สเฟียร์ จำกัด ให้จำหน่ายหุ้นสามัญจำนวน 49,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาท ซึ่งเป็นอัตรา 49% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด หรือคิดเป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 0.49 ล้านบาท มีราคาจำหน่ายหุ้นทั้งหมด 32.81 ล้านบาท 2.บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิ้ล จำกัด ให้จำหน่ายหุ้นสามัญจำนวน 49,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาท ซึ่งเป็นอัตรา 49% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด หรือคิดเป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 0.49 ล้านบาท มีราคาจำหน่ายหุ้นทั้งหมด 44.22 ล้านบาท 

3.บริษัท ออริจิ้น รามคำแหง จำกัด ให้จำหน่ายหุ้นสามัญหลังเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 476.53 ล้านบาท จำนวน 23.34997 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาท ซึ่งเป็นอัตรา 49% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด หรือคิดเป็นทุนจดทะเบียน 233.4997 ล้านบาท มีราคาจำหน่ายหุ้นทั้งหมด 311.39 ล้านบาท และ 4.บริษัท ออริจิ้น ไพร์ม 2 จำกัด ให้จำหน่ายหุ้นสามัญหลังเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 589.7 ล้านบาท จำนวน 28.8953 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาท ซึ่งเป็นอัตรา 49% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด หรือคิดเป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 288.953 ล้านบาท มีราคาจำหน่ายหุ้นทั้งหมด 400.54 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทเป็นผู้ถือหุ้นเดิมทั้ง 4 บริษัทในสัดส่วน 100% หลังดำเนินการเสร็จสิ้นจะทำให้บริษัทเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทละประมาณ 51% และบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทละประมาณ 49%

การร่วมทุนผ่านบริษัทย่อยในเครือครั้งนี้ จะทำให้ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ และโนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ สามารถร่วมมือกันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ได้ในหลากทำเลที่ออริจิ้นมีที่ดินพร้อมพัฒนาอยู่แล้ว และจะช่วยให้ออริจิ้นมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านโนว์ฮาว นวัตกรรม และดีไซน์ในการพัฒนาคอนโดมิเนียมแบบญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญช่วยให้บริษัทสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนนายพีระพงศ์ กล่าว

สำหรับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2500 มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ได้แก่ 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว 2.ธุรกิจจัดหาสำนักงานให้เช่า 3.ธุรกิจค้าปลีก 4.ธุรกิจโลจิสติกส์ และ 5.ธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ เช่น การขาย การซื้อ การเช่าอสังหาริมทรัพย์ มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ( 1 เม..2560) จำนวน 2,000 ล้านเยน (ราว 600 ล้านบาท) มีรายได้จากการดำเนินการในปีงบประมาณล่าสุด (1 เม..2559-31 มี..2560) จำนวน 4.01 แสนล้านเยน (ราว 1.2 แสนล้านบาท)

นายพีระพงศ์ กล่าวว่า บริษัทยังได้ปรับแผนและเป้าหมายผลประกอบการปี 2560 ของบริษัทด้วย โดยปรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่จากเดิม 9 โครงการ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มเป็น 12 โครงการ มูลค่า 1.80 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 11 โครงการ และโครงการบ้านแนวราบโครงการแรกของออริจิ้นอีก 1 โครงการ ซึ่งจะเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังรวม 8 โครงการ จะเปิดตัวในไตรมาสสาม 4 โครงการ และไตรมาสสี่อีก 4 โครงการ

นอกจากนี้ ยังได้ปรับเพิ่มเป้ายอดขายขึ้นจากเดิม 1.3 หมื่นล้านบาท เป็น 1.4 หมื่นล้านบาท เป้ารายได้จากเดิม 6,000 ล้านบาท เป็น 9,000 ล้านบาท รวมถึงมีแบ็กล็อกในครึ่งปีแรกที่25,285 ล้านบาท

ขณะนี้เรามีพันธมิตรที่แข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น ทั้งจากการผนึกกำลังกับบริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด และการร่วมทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ขณะเดียวกันสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ทำให้มั่นใจในโอกาสการเติบโตไปสู่อีกระดับนายพีระพงศ์ กล่าว

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 38 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 36,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรภายใน 5 ปี


บันทึกโดย : วันที่ : 01 ส.ค. 2560 เวลา : 11:32:27
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 5:56 pm