ดิ เอเจ้นท์ ผนึก เบิร์กลีย์ กรุ๊ป รุกตลาดต่างประเทศ แนะลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ กระจายความเสี่ยง เผยลอนดอน เป็นประเทศที่น่าลงทุน เหตุมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจสูง รวมถึงด้านการเงินและการเมือง
นายอัณณพ วงศ์ชุมพิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่และผู้บริหารสูงสุด บริษัท ดิ เอเจ้นท์ (พร็อพเพอร์ตี้ เอ๊กซ์เพิร์ท) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับ The Berkeley Group (เบิร์กลีย์ กรุ๊ป) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศอังกฤษ นำเสนอโครงการคุณภาพในลอนดอน ซึ่งเป็นการแนะนำโอกาสดีสำหรับนักลงทุนไทยในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสการลงทุนสู่ต่างประเทศ
ดิ เอเจ้นท์ มีประสบการณ์การนำเสนออสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศมากว่า 2 ปี ในภูมิภาคเอเชียร่วม 6 ประเทศ มีฐานลูกค้าที่เป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติกว่า 500 ราย ซึ่งพบว่า มีลูกค้าเป็นนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากที่เริ่มเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เนื่องจากต้องการขยายโอกาสการลงทุนให้สินทรัพย์ในพอร์ทมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาให้ ดิ เอเจ้นท์ เห็นโอกาสที่จะนำเสนอบริการ ที่จะช่วยเพิ่มช่องทางการลงทุนให้กับนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทยขยายพอร์ทอสังหาริมทรัพย์ไปยังประเทศต่างๆ โดยรูปแบบนำเสนอโครงการสำหรับนักลงทุนระยะยาว ซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อรอเวลาสร้างผลตอบแทน 5-7 ปี ไม่เน้นการลงทุนระยะสั้น
โดยประเทศแรกที่ทาง ดิ เอเจ้นท์ ได้เลือกโครงการที่มีศักยภาพสูงนำเสนอลูกค้าในประเทศไทย คือ โครงการคอนโดมิเนียมในประเทศอังกฤษ ซึ่ง The Berkeley Group ที่จะเข้ามาเปิดสาขาแรกในไทย ให้ ดิ เอเจ้นท์ พร็อพเพอร์ตี้ เอ๊กซ์เพิร์ท เป็นตัวแทนขายในประเทศไทยเป็นรายแรก
ทั้งนี้ นักลงทุนไทยให้ความสนใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากดอกเบี้ยเงินฝากของไทยอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง แม้ว่าการลงทุนในประเทศไทยยังให้ผลตอบแทนที่ดี แต่นักลงทุนในประเทศที่มีเงินสดอยู่ในมือยังมีความต้องการขยายโอกาสการลงทุนสู่ตลาดใหม่ๆที่มีศักยภาพสูง ซึ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศก็เป็นตลาดที่จับตามอง เนื่องจากให้ผลตอบแทนสูงและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา สัญญาณการลงทุนของนักลงทุนไทยในตลาดอสังหริมทรัพย์ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพิ่มขึ้น โดยอังกฤษถือเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจสำคัญของโลก ในปีที่ผ่านมาอังกฤษติดอันดับประเทศที่มีอัตราการลงทุนสูงสุดเป็นอันดับ 6 ของโลก หลังสามารถฟื้นตัวจากภาวะถดถอยที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2552 ด้วยการปรับกฎข้อบังคับ รวมถึงเงื่อนไขการลงทุนให้ง่ายขึ้น และมีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกมากกว่าในอดีต ทำให้อังกฤษกลับมาเป็นประเทศที่น่าลงทุนอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศอังกฤษเติบโตเร็วเป็นอันดับต้นๆของกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป ที่ถือว่ามีความมั่งคั่งสูง โดย ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้น London สูงกว่าในตลาดหุ้น New York เฉลี่ยปีละประมาณ 2% ไม่รวมเงินปันผล
เหตุผลสำคัญที่สามารถดึงดูดให้กลุ่มการลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศอังกฤษ นั้นก็คือการเป็น Safe Heaven หรือประเทศที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจสูง รวมถึงด้านการเงินและการเมืองด้วย ทำให้การลงทุนในประเทศอังกฤษมีความปลอดภัยอยู่ในอันดับต้นๆของโลก ตรงตามสเปคนักลงทุนในปัจจุบัน ที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการลงทุนที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อเพื่อลงทุนที่พิจารณาผลตอบแทนจากกำไรในการขาย หรือ แคปปิตอล เกน (Capital Gain) ควบคู่กับผลตอบแทนรายปีจากการปล่อยเช่า แต่ในการลงทุนอสังหริมทรัพย์ต่างประเทศ นักลงทุนจะมีโอกาศได้กำไรจากการแข็งค่าของเงินบาทอีกต่อหนึ่ง
“ปกติตลาดโลกมี safe heaven ของการลงทุน หลักๆ มีเมลเบิร์น นิวยอร์ก ไมอามี โตเกียว สิงคโปร์ ลอนดอน ฮ่องกง ในขณะที่ด้านความปลอดภัยเป็นส่วนหนึ่งของการให้ความสำคัญ”
โดยความเสี่ยงของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศคืออัตราแลกเปลี่ยน ขึ้นกับการซื้อขายเกิดขึ้นในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเท่าใด ขณะที่ปัจจัยการลงทุนของนักลงทุนในต่างประเทศ พบว่าในช่วง 3 ปีเติบโตอย่างมาก แหล่งลงทุนคือ ฮ่องกง สิงคโปร์ อังกฤษ อเมริกา ญี่ปุ่น
นายอัณณพ กล่าวว่า เหตุผลสำคัญที่ต้องการให้นักลงทุนไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ประเทศอังกฤษ มาจาก 1.การเป็นศูนย์กลางทางการเงิน แม้จะมีเบร็กซิตภายในปี 2561 แต่ก็ยังเป็นฮับการเงินของยุโรปต่อไป 2.เป็นแหล่งสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลก 3.ฮับการท่องเที่ยว เห็นได้จากมีสนามบินมากถึง 3 แห่ง โดยการลงทุนควรเลือกลงทุนในพื้นที่ที่ภาครัฐจะลงทุนอินฟราสตรัคเจอร์ เน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักส่วนหนึ่งมาจากผู้ปกครองส่งลูกไปเรียนหนังสือ
ขณะที่มีดีมาน์มากถึง 49,000 ยูนิต แต่มีซัปพลายเพียง 21,379 ยูนิต เพราะมีกฎหมายควบคุมการลงทุนโครงการใหม่ โดยการถือครองมีเพียง 70% เทียบกับไทยมีอัตราการถือครองทรัพย์สิน 90% ผลของการถือครองในอังกฤษมีเพียง 70% แปลว่าอีก 30% เป็นการเช่า
ทั้งนี้ โอกาสในการลงทุนอสังหาฯ ในต่างประเทศ เพราะไม่จำเป็นต้องลงทุนในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว การเข้าถึงเทคโนโลยีทำให้การซื้อขายอสังหาฯ ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยมองผลตอบแทนการลงทุน ได้แก่ ค่าเช่า ค่าแลกเปลี่ยน แคปปิตอลเกน
โดยล่าสุด เตรียมจัดงานสัมมนา “Exclusive London Property Seminar with The Berkeley Group, A Leading Developer from England” อัพเดทการลงทุนอสังหาริมทรัพย์แบบเจาะลึกในกรุงลอนดอน เกี่ยวกับแหล่งการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เป็น Safe heaven ที่นิยมของเหล่านักลงทุน พร้อมโครงการน่าลงทุนอย่างโครงการ Royal Arsenal Riverside โดยมีตัวแทนจาก The Berkeley Group Co Agent ประเทศอังกฤษ มาให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนแก่นักลงทุนชาวไทย ในวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม 2560 โดยแบ่งรอบการเข้าฟังสัมมนาออกเป็น 2 รอบ รอบเช้าเวลา 09.30 – 12.00 น. และ รอบบ่าย 13.30 – 16.00 น. ณ Siam Kempinski Hotel Bangkok
ข่าวเด่น