อสังหาริมทรัพย์
การเคหะฯเผยผลวิจัยความต้องการที่อยู่อาศัย


การเคหะฯร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดสัมมนา "การศึกษาการคาดประมาณความต้องการที่อยู่อาศัยประเทศไทย ปี 2560 - 2580" พบว่าความต้องการที่อยู่อาศัยพุ่ง 2.9 ล้านครัวเรือน


นายดุลมลชัย วิวัฒน์บวรวงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า จากความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในปัจจุบัน ทั้งระดับโลก ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น อาทิ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมถึงแนวโน้มการเจริญเติบโตและการขยายตัวของเมืองอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อความต้องการที่อยู่อาศัย

ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น รวมถึงความต้องการที่อยู่อาศัยที่อาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยต่างๆ การเคหะแห่งชาติจึงได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินการ "การศึกษาการคาดประมาณความต้องการที่อยู่อาศัยประเทศไทย ปี 2560 - 2580" เพื่อจัดทำแบบจำลองคำนวณความต้องการที่อยู่อาศัยที่เป็นมาตรฐานที่เหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งแบบจำลองดังกล่าวสามารถเพิ่มเติมตัวแปรใหม่ๆ ได้ตามสถานการณ์และช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป เพื่อใช้คำนวณหาความต้องการที่อยู่อาศัยในอนาคต ซึ่งความต้องการที่อยู่อาศัยนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง อาทิ รายได้ ราคาที่อยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ย ภาวะเงินเฟ้อ อัตราการว่างงาน เป็นต้น โดยการเคหะแห่งชาติจะนำผลการคำนวณที่ได้ไปกำหนดนโยบายและวางแผนการดำเนินงานในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในอนาคต

รองศาสตราจารย์ ดร.ฉวีวรรณ เด่นไพบูลย์ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงผลการศึกษาที่ได้พบว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยขั้นพื้นฐาน (Housing Needs) นั้น ประกอบไปด้วย กลุ่มครัวเรือนที่ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยหรือยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยปัจจุบัน ซึ่งพบว่ามีจำนวน 5,070,024 ครัวเรือน ( ปี 2559) จากการคำนวณพบว่ากลุ่มดังกล่าวมีความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวน 1,300,346 ครัวเรือน และกลุ่มความต้องการที่อยู่อาศัยจากครัวเรือนที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต 

โดยมีความน่าจะเป็นที่มีความต้องการที่พักอาศัยใหม่ (New Housing Need) จำนวน 2,904,348 ครัวเรือน แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ ทั้งที่มีปัญหาและไม่มีปัญหาด้านรายได้ สุขภาพ ขาดคนดูแล จะมีความต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ จำนวน 908,448 ครัวเรือน, กลุ่มแรงงานนอกภาคการเกษตรที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดแรงงาน จะมีความต้องการที่อยู่อาศัย จำนวน 1,515,514 ครัวเรือน, กลุ่มหย่าร้าง จะมีความต้องการที่อยู่อาศัย จำนวน 307,746 ครัวเรือน, กลุ่มครัวเรือนที่มีสมาชิกเป็นผู้พิการ จะมีความต้องการที่อยู่อาศัย จำนวน 155,304 ครัวเรือน, กลุ่มที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มบ้านจัดสรร (Family unit) จะมีความต้องการที่อยู่อาศัย จำนวน 317 ครัวเรือน และกลุ่มที่เพิ่มขึ้นจากอาคารชุดและแฟลต (Single unit) ซจะมีความต้องการที่อยู่อาศัย จำนวน 17,019 ครัวเรือน

อย่างไรก็ตาม การเคหะฯ พร้อมจะฟังข้อเสนอแนะและความคิดเห็นของผู้เข้าสัมมนา โดยจะนำกลับมาปรับปรุงแก้ไขงานวิจัยดังกล่าวให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น 


บันทึกโดย : วันที่ : 10 ส.ค. 2560 เวลา : 11:12:09
24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 12:29 am