หอการค้าหวั่นนักธุรกิจท้องถิ่นถูกกลั่นแกล้ง พร้อมสำรวจความเห็นสมาชิกเสนอให้รัฐแก้จุดอ่อนพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

นายอธิป พีชานนท์ กรรมการบริหาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง  เปิดเผยว่า  สมาชิกหอการค้าได้เป็นห่วงเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพ.ศ... ของคณะกรรมาธิการ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ ในปี 2562  ในหลายประเด็นที่อาจเกิดปัญหาตามมาภายหลัง โดยเฉพาะการให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อาจไม่มีความเข้าใจเพียงพอ หรือบางกรณีบางมีการกลั่นแกล้งผู้ประกอบการในท้องถิ่น จนเกิดการจัดเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรม หรือ อาจถูกส่งดำเนินคดีเกี่ยวกับภาษีที่มีโทษจำคุก และยึดทรัพย์ เป็นต้น ดังนั้นต้องการให้มีคณะกรรมการที่เข้าไปตรวจสอบความโปร่งใสของเจ้าหน้าท้องถิ่นในการประเมินภาษีด้วยเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

นอกจากนี้สมาชิกได้มีข้อเสอนต่อ พรบ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ... อีกหลายประเด็น เช่น  กรณีทรัพย์ส่วนกลางของนิติบุคคลอาคารชุด และสาธารณูปโภคในโครงการบ้านจัดสรร ไม่ควรถูกนำมาคำนวณเป็นฐานในการจัดเก็บภาษี,   โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ควรได้รับการลดหย่อนภาษีเนื่องจากยังไม่ก่อให้เกิดรายได้ รวมทั้งที่ดินที่เป็นที่รกร้างว่างเปล่า, ถูกรอนสิทธิ์ หรือ ประกาศผังเมืองห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้าง หรือ ที่ดินที่มีลักษณะเป็นทางน้ำหลาก ควรได้รับการยกเว้นการเก็บภาษี  

“ยังพบว่าการใช้ที่ดินประกอบกิจการให้เช่าตามพรบ. ใหม่จะจัดเก็บภาษีจากมูลค่าที่ดิน ซึ่งไม่สอดคล้องกับรายได้ที่มีการปรับขึ้นลงตามสถานการณ์ ดังนั้นมองว่ารัฐบาลต้องกำหนดอัตราการจัดเก็บที่ตายตัว เพื่อลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ และไม่ควรมีบทลงโทษจำคุก กรณีมีการกระทำที่ไม่มีเจตนาอย่างไรก็ตามได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดทำแบบสอบถาม ส่งให้กับหอการค้าจังหวัด ทั่วประเทศ กว่า 100,000 ราย เพื่อสำรวจถึงความรู้และความเข้าใจ รวมถึงข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าวของภาคเอกชน  จากนั้นจะรวบรวมเสนอแก่ที่ประชุมสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อนำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการพิจารณาแก้ไขในบางประเด็นด้วย

ทั้งนี้ อัตราเพดานภาษีแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่

ประเภทที่ 1. ที่ดินเพื่อการเกษตรมีเพดานภาษี 0.2% และให้เว้นเก็บภาษีที่ดินมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ส่วนที่ดินมูลค่า 50-100 ล้านบาท ให้เก็บภาษี 0.05% และมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท ให้เก็บภาษี 0.10% 

ประเภทที่ 2 เป็นที่ดินเพื่อยู่อาศัยเพดานภาษี 0.5% เว้นภาษีบ้านหลังแรกมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท บ้าน 50-100 ล้านบาท ให้เก็บภาษี 0.05% และเกิน 100 ล้านบาท เก็บ 0.10% สำหรับบ้านหลังที่ 2 มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ให้เก็บภาษี 0.03% บ้าน 50-100 ล้านบาท ให้เก็บภาษี 0.05% และเกิน 100 ล้านบาท ให้เก็บภาษี 0.10%

ประเภทที่ 3 ที่ดินเพื่อการพาณิชย์

และ ประเภทที่ 4 ที่ดินว่างเปล่า กำหนดเพดานภาษีไม่เกิน 2% โดยมูลค่าไม่เกิน 20 ล้านบาท ให้เก็บภาษี 0.3% มูลค่า 20-50 ล้านบาท ให้เก็บภาษี 0.5% มูลค่า 50-100 ล้านบาท ให้เก็บภาษี 0.7% มูลค่า 100-1,000 ล้านบาท  ให้เก็บภาษี 0.9% มูลค่า 1,000-3,000 ล้านบาท ให้เก็บภาษี  1.2% และมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท ให้เก็บภาษี 1.5% อย่างไรก็ตาม ในส่วนของที่ดินว่างเปล่า หากไม่ใช้ประโยชน์จะเก็บเพิ่มขึ้น 0.5% ทุกๆ 3 ปี แต่ไม่เกิน 5%