นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศออกตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่ายสุราและยาสูบหลังจากที่รัฐบาลได้ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่โดยขอให้มีการตรวจสอบว่ามีการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายหรือจำหน่ายในราคาที่สูงกว่าราคาที่แสดงไว้หรือไม่และให้ตรวจสอบว่ามีการจงใจที่จะทำให้ราคาสูงเกินสมควรหรือปฏิเสธการจำหน่ายหรือประวิงการจำหน่าย เพื่อทำให้เกิดความปั่นป่วนหรือไม่ เพราะแม้ว่าจะมีการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตไปแล้ว แต่สินค้าสุราและยาสูบยังมีสต๊อกเก่าอยู่ ก็ต้องจำหน่ายในราคาเดิมไปก่อน และเมื่อสินค้า สต๊อกใหม่ จึงสามารถจำหน่ายในราคาที่ปรับใหม่ได้
“จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ได้รายงานเข้ามาในเบื้องต้นว่า ไม่พบปัญหาการปฏิเสธการจำหน่ายหรือจงใจทำให้เกิดความปั่นป่วน แต่ก็ได้ย้ำให้มีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสินค้าในสต๊อกจะเป็นสินค้าล็อตใหม่ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้บริโภค”
ทั้งนี้ สินค้าเหล้าและบุหรี่ กรมสรรพสามิตเป็นหน่วยงานกำกับดูแลใบอนุญาตการจำหน่าย ซึ่งมีอำนาจในการเพิกถอนใบอนุญาตหรือพักใช้ใบอนุญาตได้และมีอำนาจในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรวมทั้งให้ราคาจำหน่ายปรับเพิ่มสูงขึ้นตามภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นโดยหากประชาชนพบว่ามีการกักตุนหรือปฏิเสธการจำหน่ายสินค้าบุหรี่และสุราสามารถร้องเรียนต่อกรมสรรพสามิตให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายได้แต่ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ก็พร้อมที่จะร่วมแก้ไขปัญหา โดยใช้อำนาจตามกฎหมายที่มีอยู่เข้าไปจัดการ
สำหรับอำนาจการดูแลของกระทรวงพาณิชย์ จะดูแลในส่วนของราคา ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยสินค้าบุหรี่ ซิกาแรต ยาสูบ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เป็นสินค้าที่ต้องปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย หากไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายหรือจำหน่ายในราคาที่สูงกว่าราคาที่แสดงไว้ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน10,000 บาท และหากจงใจที่จะทำให้ราคาสูงเกินสมควรหรือปฏิเสธการจำหน่ายหรือประวิงการจำหน่ายทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้า หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข่าวเด่น