แบงก์-นอนแบงก์
CIMB ประกาศกำไรสุทธิงวด 9 เดือน ปี 2560 จำนวน จำนวน 3,410 ล้านริงกิต


  • รายได้จากการดำเนินงานไตรมาส 3/2560 สูงเป็นประวัติการณ์จำนวน 4,420 ล้านริงกิต 
  • กำไรก่อนภาษีงวด 9 เดือน ปี 2560 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 24.6 มาอยู่ที่ 4,570 ล้านริงกิต โดยเป็นผลมาจากรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 และสำรองหนี้สูญลดลง 
  • กำไรสุทธิงวด 9 เดือน ปี 2560 เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.0 มาอยู่ที่ 3,410 ล้านริงกิต โดยมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นคำนวณเป็นอัตราส่วนเต็มปีเท่ากับร้อยละ 9.8
  • อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้งวด 9 เดือน ปี 2560 ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 52.1 (เทียบกับร้อยละ 54.6 งวด 9 เดือน ปี 2559) จากการมีวินัยในการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง
  • เงินให้สินเชื่อเติบโตร้อยละ 7.0 โดยมาจากธุรกิจรายย่อยเป็นหลัก
  • อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 12.0 สิ้นเดือนกันยายน 2560


1) สรุป

  

ซีไอเอ็มบี กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เบอร์ฮาด (“กลุ่มซีไอเอ็มบีหรือกลุ่มฯ”) ประกาศผลกำไรก่อนภาษีงวด 9 เดือน ปี 2560 จำนวน 4,570 ล้านริงกิต โดยมีรายได้จากการดำเนินงานสูงขึ้นร้อยละ 11.6 ซึ่งส่งผลให้กลุ่มฯมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.9 และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.0 มาอยู่ที่ 3,410 ล้านริงกิต โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 38.1 เซ็น ในขณะที่อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นคำนวณเป็นอัตราส่วนเต็มปีเท่ากับร้อยละ 9.8 


ผลประกอบการในงวดนี้ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตทั่วทั้งกลุ่มฯ โดยในไตรมาส 3/2560  กลุ่มฯมีรายได้จากการดำเนินงานสูงสุดเท่าที่เคยมีมา จำนวน 4,420 ล้านริงกิต และสามารถสร้างกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 26.0 ทั้งนี้ เป็นผลมาจาก อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ที่เป็นบวก สำรองหนี้สูญที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และธุรกรรมตลาดทุนที่คึกคัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจรายย่อยของกลุ่มฯในมาเลเซียและประเทศไทย รวมถึงธุรกิจวาณิชธนกิจและบรรษัทธุรกิจได้มีส่วนสร้างผลประกอบการที่น่าพอใจในไตรมาสนี้เต็งกู ดาโต๊ะ ศรี ซาฟรูล์ อาซิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มซีไอเอ็มบี กล่าว

 

2) ผลประกอบการกลุ่มซีไอเอ็มบี งวด 9 เดือน ปี 2560

 


รายได้จากการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2560 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.6 มาอยู่ที่ 13,110 ล้านริงกิต โดยเป็นผลหลักๆมาจากการเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยร้อยละ 11.2 ตามธุรกรรมตลาดทุนและรายได้จากค่าธรรมเนียมที่ปรับตัวดีขึ้น กลุ่มฯ มีรายได้จากดอกเบี้ยสุทธิงวด 9 เดือน ปี 2560 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 จากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อและอัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 6.3 ซึ่งหากไม่นับผลจากการแปลงค่าสกุลเงินตราต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.9 จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง อัตราการเติบโตของรายได้ที่สูงกว่าค่าใช้จ่ายได้ส่งผลให้กลุ่มฯ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.9 และมีกำไรก่อนภาษีจำนวน 4,570 ล้านริงกิต เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.6 โดยมีสำรองหนี้สูญลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.3



ธุรกิจในประเทศอื่นที่ไม่ใช่มาเลเซียได้มีส่วนสร้างกำไรก่อนภาษีให้กับกลุ่มฯเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 33 ในงวด 9 เดือน ปี 2560 เทียบกับร้อยละ 25 ในงวดเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรก่อนภาษีของอินโดนีเซียมีจำนวน 966 ล้านริงกิต เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 67.1 จากผลประกอบการทางการเงินที่ดีขึ้นของซีไอเอ็มบี ไนอาก้า  ในขณะที่กำไรก่อนภาษีในส่วนของ ซีไอเอ็มบี ไทย เท่ากับ 194 ล้านริงกิต เป็นอัตราส่วนเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 33.8 โดยเป็นผลมาจากสำรองหนี้สูญและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง ส่วนสิงคโปร์สร้างกำไรก่อนภาษีให้กับกลุ่มฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.2 เท่ากับ 289 ล้านริงกิต จากการที่มีรายได้เพิ่มขึ้น


เงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มฯ (ไม่รวมสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) เติบโตร้อยละ 7.0 ในขณะที่เงินฝากเติบโตร้อยละ 4.5 อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากของกลุ่มฯ เท่ากับ ร้อยละ 92.0 เทียบกับร้อยละ 89.8 ในงวด 9 เดือน ปี 2559


อัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวมของกลุ่มฯ คิดเป็นร้อยละ 3.5 สิ้นเดือนกันยายน 2560 โดยมีอัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้สูญเท่ากับร้อยละ 72.4 กลุ่มฯมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 52.1 เทียบกับร้อยละ 54.6 ในงวด 9 เดือน ปี 2559 อันเป็นผลมาจากการมีรายได้เพิ่มขึ้นและสามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้ดีต่อเนื่องในทุกประเทศ 


วันที่ 30 กันยายน 2560 กลุ่มซีไอเอ็มบีมีอัตราส่วนเงินกองทุนอยู่ที่ร้อยละ 16.6 โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 12.0

 

5) แนวโน้ม

 

กลุ่มฯ มีการดำเนินงานที่เป็นไปตามแผนเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่สำคัญในปี 2560 นี้ โดยเศรษฐกิจของภูมิภาคโดยรวมเป็นไปในทิศทางที่ดี และธุรกรรมตลาดทุนยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กลุ่มฯยังคงประเมินแนวโน้มในทางบวกด้วยความรอบคอบระมัดระวัง รวมถึงควบคุมดูแลคุณภาพสินทรัพย์และค่าใช้จ่ายอย่างเคร่งครัดในทุกๆธุรกิจที่ดำเนินการ นอกจากนี้ เป็นที่น่ายินดีว่า กลุ่มฯได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจธนาคารในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งส่งผลให้กลุ่มฯ มีเครือข่ายครอบคลุมทุกประเทศในอาเซียนเต็งกู ซาฟรูล์ กล่าว  

 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 29 พ.ย. 2560 เวลา : 17:38:20
27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 8:58 am