อสังหาริมทรัพย์
เน็กซัส ฟันธงเทรนด์การลงทุนอสังหาฯเปลี่ยน รับสังคมผู้สูงอายุ


เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ คาดแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์  ดีเวลลอปเปอร์ ปรับตัว พัฒนาสินค้าตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุ จับตา " บางซื่อ" ทำเลทอง รับอานิสงภาครัฐดันเป็น TOD

 



นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า หากมองแนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในระยะสั้นและระยะกล จากการประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ(GDP) ที่รัฐบาลได้วางไว้ในปี 2560-2563 คือ ประมาณการที่ 4% สะท้อนให้เห็นว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในภาคส่วนต่างๆ จะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่หากโฟกัสในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในแต่ละเซกเมนท์ ยังคงต้องพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ที่จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ 

ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ได้แก่ พัฒนาการทางเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากภายในอีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศในกลุ่ม CLMV อาจะพัฒนาทันประเทศไทยได้ เมื่อประเทศเหล่านี้พัฒนาและยังมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ย่อมส่งผลให้เม็ดเงินซึ่งเคยเข้ามาลงทุนที่ประเทศไทยกระจายออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จะส่งผลให้การเข้ามาซื้ออสังหาฯ ในไทยจากชาวต่างชาติ อาจจะเริ่มน้อยลง เนื่องจากมีทางเลือกที่เพิ่มมากขึ้นของเพื่อนบ้าน 

หากมองจากปัจจัยภายใน ไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะส่งผลให้ที่อยู่อาศัยต้องปรับเปลี่ยน เพื่อรองรับวิถีชีวิตของคนสูงอายุ รวมถึงการพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว และเข้าถึงวิถีชีวิตของคน มีอิทธิพลกับการอยู่อาศัยอย่างแน่นอน ซึ่งสามารถสรุปได้เป็น 3 แนวทาง คือ การลงทุน เทรนด์ของการอยู่อาศัย และทำเลที่ตั้ง เทรนด์ที่ 1 ด้านการลงทุนจะพบว่าผู้ประกอบการจะหันมาพัฒนา โครงการสิทธิการเช่าระยะยาว (Leasehold) บนที่ดินขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพ และที่สามารถพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ มีการครอบครองโดยหน่วยงานรัฐบาล โดยผู้ประกอบการได้นำมาพัฒนาเป็นโครงการเมกะโปรเจค (Mega Project) ที่ผสมผสานการใช้พื้นที่ 

ขณะที่ในด้านของผู้ซื้อ ก็หันมาให้ความสนใจมากขึ้น เนื่องจากถูกกว่า นอกจากนี้จะเห็นการพัฒนาโครงการแบบผสมผสาน (Mixed-used) เพื่อกระจายความเสี่ยง ลดการแข่งขันทางธุรกิจมากขึ้น และตลาดต่างประเทศ ก็ยังคงเข้ามาเพิ่มบทบาทความสำคัญ ทั้งในแง่การลงทุนขนาดใหญ่และรายย่อย บริษัทต่างชาติจะให้ความสนใจร่วมลงทุนกับผู้พัฒนาโครงการในไทย ทั้งรายใหญ่และรายย่อยหลายโครงการ  โดยมีแนวโน้มที่จะนำเงินลงทุนและเทคโนโลยีเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการ โดยกลุ่มร่วมทุนต่างชาติที่ให้ความสนใจนั้น มีมาจากหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง ขณะเดียวกันนักลงทุนรายย่อยต่างชาติที่ซื้อห้อง เพื่อลงทุนระยะยาวและปล่อยเช่า ก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เทรนด์ที่ 2 ด้านการอยู่อาศัยในอนาคต จะเห็นได้ว่าปัจจัยทางด้านประชากรศาสตร์ ที่มีแนวโน้มที่จะเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ดังนั้น การเกิดตลาดที่เป็นบ้านสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Home หรือ Elderly Care) จะเกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์สังคมไทย และจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การจะทำให้ผู้บริโภคชาวไทยยอมรับ และปรับเข้ากับไลฟ์สไตล์คนไทยได้นั้น เป็นความท้าทายหลักของสินค้าประเภทนี้ 

ขณะเดียวกันเทคโนโลยีที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคนได้อย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการจึงยิ่งต้องพัฒนาที่อยู่อาศัย ให้ตอบโจทย์ให้ทันความเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน คือ บ้านที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี นอกจากนี้แนวคิดของการมีบ้านที่อยู่อาศัยได้จริง เช่น ห้องขนาดเล็กแต่มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ บ้านที่อยู่อาศัยได้อย่างยั่งยืนด้วยคุณภาพของการก่อสร้าง สุดท้าย บ้านที่เป็นมิตรกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่ทำให้ผู้อาศัยได้รู้สึกผ่อนคลายและเป็นบ้านที่อยู่อาศัยได้ในระยะยาว

เทรนด์ที่ 3 ด้านทำเลที่ตั้ง ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะชี้นำแนวโน้มการอยู่อาศัย โดยทำเลที่ตั้งที่น่าสนใจ สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก กลุ่มแรกเป็นกลุ่มทำเลใจกลางเมือง โดยใจกลางเมืองจะถูกกำหนดเป็นศูนย์กลางขนาดย่อม (Node) มากขึ้น เช่น พร้อมพงษ์ถึงทองหล่อเป็นแหล่งศูนย์กลาง luxury lifestyle ที่มีทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านราคาสูง รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวและร้านอาหารชิคๆ มากมาย ศูนย์กลางธุรกิจใหม่แถบแยกรัชดา พระราม 9 ทำเลศูนย์กลางของย่านเมืองเก่าเยาวราชเจริญกรุง และศูนย์กลางที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่

 อาทิ หลังสวน เพลินจิต กลุ่มทำเลที่สองกลุ่มทำเลติดรถไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นทำเลที่ควรต้องคำนึงถึงอย่างมาก เพราะการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะที่ดี ส่งผลถึงการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ตามไปด้วย โดยทำเลที่น่าจับตามากที่สุด คือ บางซื่อ เนื่องจากทางภาครัฐกำลังพยายามที่จะผลักดันเป็น Transit Oriented Development (TOD) เป็นหนึ่งในทำเลที่น่าจับตามอง ส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างสายสีเขียว สีเหลือง และสีส้ม ยังคงมีความน่าสนใจและ สุดท้ายเป็นกลุ่มทำเลริมแม่น้ำ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณเจริญนคร เจริญกรุงที่กำลังจะเป็นศูนย์กลาง ช้อปปิ้งและไลฟ์สไตล์ใหม่

การเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ เป็นการเติบโตแบบลูกโซ่ เป็นวงจรที่เกี่ยวเนื่องกันไปทั้งระบบ เมื่อมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยีที่พัฒนาการอย่างรวดเร็ว ทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญทั้งสิ้น


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 31 ธ.ค. 2560 เวลา : 15:05:17
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 6:03 am