ธนาคารไทยพาณิชย์ ติดอาวุธด้านการลงทุนให้ลูกค้ากลุ่มเวลธ์ (Wealth) จับมือ Thomson Reuters เอ็กซ์คลูซีฟพาร์ทเนอร์ ผู้ให้บริการทางด้านข้อมูลชั้นนำระดับโลก มอบประสบการณ์ใหม่ด้านการลงทุน ครั้งแรกในประเทศไทยที่นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกด้านการลงทุนที่น่าเชื่อถือจากทั่วทุกมุมโลกได้ด้วยตนเอง ผ่านแพลตฟอร์ม Thomson Reuters Eikon และ Thomson Reuters Knowledge Direct นวัตกรรมด้านข้อมูลและการวิเคราะห์อันทันสมัย ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ากลุ่มเวลธ์ (Wealth) ของธนาคารสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมครบทุกแง่มุมด้านเศรษฐกิจ ในทุกตลาดสำคัญทั่วโลก ให้ลูกค้าไม่พลาดโอกาสสำคัญ และทันกับทุกจังหวะการลงทุน ต่อยอดในการบริหารความมั่งคั่งเทียบเท่าระดับมืออาชีพ โดยให้บริการแล้ววันนี้ที่ห้องนักลงทุน SCB Investment Center หรือศูนย์บริหารความมั่งคั่ง

นางสาวลลิตภัทร ธรณวิกรัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายลูกค้าธนบดีธนกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ธนาคารให้ความสำคัญกับการมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ตรงใจและตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ควบคู่กับการพัฒนาและนำดิจิทัลเทคโนโลยีอันทันสมัยมาให้บริการลูกค้า เพื่อมุ่งสู่การเป็น “ธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด” หรือ “The Most Admired Bank” และเพื่อเป็นการตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเวลธ์ (Wealth) ของธนาคาร ได้แก่ SCB PRIVATE BANKING, SCB FIRST และ SCB PRIME รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่สนใจการลงทุน ซึ่งความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ คือ เข้าถึงแหล่งข้อมูลที่ดีน่าเชื่อถือ เข้าถึงความรู้และคำปรึกษาด้านการลงทุน เพื่อช่วยให้มีความมั่นใจ ไม่พลาดโอกาสสำคัญ และทันกับทุกจังหวะการลงทุน ธนาคารจึงได้เปิดตัว SCB Investment Center หรือ ศูนย์บริหารความมั่งคั่ง ขึ้นเพื่อเป็นแหล่งรวมความรู้ตลอดจนคำแนะนำจากกูรูและผู้เชี่ยวชาญ สำหรับรองรับทุกความต้องการด้านการลงทุน

โดยเฉพาะบริการ “ห้องนักลงทุน” (Investment Room) ที่ธนาคารได้ร่วมกับ Thomson Reutersเอ็กซ์คลูซีฟพาร์ทเนอร์ ผู้ให้บริการทางด้านข้อมูลชั้นนำระดับโลก ในการนำระบบของ Thomson Reuters มาใช้ในการให้บริการ ซึ่งแตกต่างจากระบบอื่นๆ ตรงที่ช่วยรวบรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายมาไว้ในที่เดียว และข้อมูลที่ได้ไม่ใช่แค่มิติการวิเคราะห์ในหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังครอบคลุมสินทรัพย์ทุกประเภท (Asset Class) ให้ลูกค้าสามารถเห็นข้อมูลอื่นๆ อาทิ ตราสารหนี้ กองทุน สกุลเงิน อัตราแลกเปลี่ยน สินค้าโภคภัณฑ์ เป็นต้น และยังสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวด้านเศรษฐกิจและการลงทุนได้ทั่วทุกมุมโลกแบบเรียลไทม์ เข้าถึงข้อมูลในเชิงลึกเทียบเท่ากับนักลงทุนมืออาชีพ นักลงทุนสถาบัน ผู้จัดการกองทุน หรือเทรดเดอร์ในห้องค้าของธนาคาร ซึ่งปกตินักลงทุนรายย่อยทั่วไปจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลในระดับนี้ หรือเข้าถึงได้น้อยมาก ความร่วมมือในครั้งนี้จึงนับเป็นครั้งแรกของเมืองไทยที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกด้านการลงทุนได้ด้วยตนเอง จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ซึ่งแตกต่างจากการค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตทั่วไป”