แบงก์-นอนแบงก์
ออมสิน เดินหน้านำ SMEs Private Equity Trust Fund ร่วมลงทุน หนุน Startup ขยายตัวต่อเนื่องตามนโยบายรัฐบาล


ธนาคารออมสิน จับมือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผลักดันนโยบายรัฐบาลช่วยเหลือและดูแลธุรกิจ SMEs อย่างต่อเนื่อง เผยความคืบหน้ากองทุนร่วมลงทุน SMEs Private Equity Trust Fund ต่อยอดเงินลงทุน ร่วมลงทุนอีก 2 ธุรกิจ “Chococard” ธุรกิจสร้างระบบ CRM และ “Peakengine” ผลิตโปรแกรมบัญชีออนไลน์ เผยกำลังเจรจาอีกกว่า 20 ราย คิดเป็นวงเงิน 995 ล้านบาท 
 
 
 
 
วันนี้ (30 มีนาคม 2561) ณ ห้องประชุมกำแพงเพชร ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ได้มีพิธีลงนามสัญญาร่วมลงทุนของกองทุน และแถลงข่าวความก้าวหน้าของโครงการ SMEs Private Equity Trust Fund โดยธนาคารออมสิน ซึ่งร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมี นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เป็นผู้แถลงและ นางสาวรุ่งทิพย์ เจริญวิสุทธิวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าว 
 
 
 
 
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายธนาคารออมสินดำเนินการช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้สามารถมีแหล่งทุนที่ดูแลกิจการและหมุนเวียนได้อย่างราบรื่น แข็งแกร่ง มั่นคง และยั่งยืน โดยที่ธนาคารออมสินได้สนับสนุนผ่านหลายช่องทางมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ การให้สินเชื่อเพื่อสนับสนุนกลุ่มธุรกิจ SMEs และ Startup โครงการประกวด GSB สุดยอด SMEs Startup ตัวจริง เวทีที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ สร้างสรรค์ไอเดียธุรกิจ รวมถึงจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน SMEs Private Equity Trust Fund จำนวน 3 กอง วงเงินลงทุน 2,000 ล้านบาท โดยมีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมสนับสนุนผ่านการระดมทุนเสริมความแข็งแกร่ง 
สำหรับความคืบหน้าของ SMEs Private Equity Trust Fund ธนาคารออมสินได้มีการอนุมัติร่วมลงทุนไปแล้ว 9 ราย คิดเป็นวงเงิน 275 ล้านบาท ในจำนวนนี้ คือ การลงนามสัญญาร่วมลงทุนในวันนี้ 2 ราย ได้แก่ 1.บริษัท ช็อคโก้ คาร์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจสร้างระบบ CRM (Customer Relationship Management) สำหรับลูกค้า SMEs และระดับ Corporate ในประเทศไทย โดยมีบริการการจัดการระบบ CRM, ระบบ POS, Loyalty Card, Customer Analytics,  การวางรีวอร์ดโปรแกรม และการเป็นที่ปรึกษาสำหรับลูกค้าในด้านการตลาด ซึ่งกองทุนฯ ได้ร่วมลงทุนกับบริษัทนี้ตั้งแต่ปี 2559 เป็นเงิน 10 ล้านบาท ธุรกิจได้ขยายตัวต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีสมาชิกร้านค้ามากกว่า 1,000 ร้านค้า มีผู้ถือบัตรสมาชิก “ช็อคโก้ คาร์ด” มากกว่า 800,000 ราย มีมูลค่าการทำรายการรวมกันกว่า 2,500 ล้านบาท ครั้งนี้ SMEs Private Equity Trust Fund ธนาคารออมสิน กองที่ 1 มี บริษัท N-Vest Venture เป็นผู้จัดการกองทรัสต์  ได้ร่วมลงทุนเพิ่มอีก 10 ล้านบาท  
 
 
 
 
 
“ครั้งนี้เป็นการเพิ่มวงเงินการลงทุนอีก 10 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจ ซึ่ง “ช็อคโก้ คาร์ด” ยังเป็นพันธมิตรต่อยอดธุรกิจ โดยร่วมพัฒนาระบบเพื่อสะสมแต้มแลกของรางวัลให้กับลูกค้าของธนาคารออมสินที่ใช้บริการ MyMo Mobile Application และจะพัฒนาต่อยอดในผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกในอนาคตต่อไป” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว 
สำหรับรายที่ 2  SMEs Private Equity Trust Fund ธนาคารออมสิน กองที่ 2 ที่มี Expara Thailand เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ ร่วมลงทุนวงเงิน 10 ล้านบาท กับ บริษัท PUUN Intelligent เจ้าของแบรนด์ “Peakengine” ซึ่งเป็นผู้ผลิตโปรแกรมบัญชีออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Cloud อำนวยความสะดวกให้การทำงานบัญชีรวดเร็ว และใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น เข้าใช้งานง่าย ลดงานบัญชีและเอกสารลง ใช้งานข้อมูลทางการเงินได้มากขึ้นทำให้ทราบว่าเงินเข้าออกเมื่อใด ส่งผลดีต่อการวางแผนบริหารจัดการเงินสด ช่วยให้ประหยัดต้นทุนการทำบัญชีได้สูงถึงเดือนละ 9,000 บาท ทำให้ลูกค้า SMEs สามารถเห็นตัวเลขทางการเงินในแต่ละเดือนและประมาณการการใช้เงินล่วงหน้าได้ และเมื่อมีข้อมูลทางการเงินที่ดีจะทำให้สามารถขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบัน “Peakengine” มีผู้ใช้งานกว่า 4,000 ราย มียอดรายการค้าที่สร้างผ่านระบบกว่า 800 ล้านบาทต่อเดือน 
 
 
 
 
 
 
 
ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวต่อไปว่า ขณะที่ SMEs Start-up ที่อนุมัติเบื้องต้น จำนวน 6 ราย  วงเงินประมาณ 130 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งกลุ่ม อาหารและเครื่องดื่ม การท่องเที่ยว Digital Media ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ Fintech อีกทั้งยังมี Deal ที่อยู่ ใน Pipeline อีกทั้งหมดรวม 14 ราย คิดเป็นวงเงิน 865 ล้านบาท แบ่งเป็นประเภทธุรกิจ Fintech จำนวน 6 ราย วงเงิน 400 ล้านบาท ธุรกิจเทคโนโลยี จำนวน 3 ราย วงเงิน 200 ล้านบาท ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2 ราย วงเงิน 100 ล้านบาท อื่นๆ อาทิ การศึกษา  แฟชั่น  รวมจำนวน 3 ราย วงเงิน 165 ล้านบาท 
 
 
 
 
อย่างไรก็ตาม การลงทุนของกองทุนดังกล่าวมีกลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่ม คือ 1. SMEs ระยะเริ่มต้น (Start – up Stage) ที่มีศักยภาพสูง  2. SMEs ที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยเฉพาะที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่มีประโยชน์ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ  3. SMEs ที่เป็น Supplier ธุรกิจภาครัฐและภาคเอกชนขนาดใหญ่ หรือเป็นสมาชิกของสภาหอการค้าไทย หรือหน่วยงานภาครัฐ และ 4. SMEs ที่เป็นกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) 
 
 
 
 
นางสาวรุ่งทิพย์ เจริญวิสุทธิวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานการตลาดผู้ออกหลักทรัพย์ 2 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ความสำคัญในการพัฒนาตลาดทุนทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ และพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการ SMEs และ Startup สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน “To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone” ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ มีนโยบายส่งเสริมธุรกิจ SMEs และ Startup ให้มีความแข็งแรงและการเติบโต โดยการให้ความรู้ การกระตุ้นบุคคลากรภาคตลาดทุนให้เห็นถึงความสำคัญด้านนวัตกรรม การสร้าง LiVE platform เป็นช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงความร่วมมือกับธนาคารออมสินในการร่วมลงทุนในธุรกิจ SMEs และ Startup ผ่านโครงการ SMEs Private Equity Trust Fund จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งพร้อมเพิ่มโอกาสในการต่อยอดธุรกิจให้ผู้ประกอบการ SMEs และ Startup อันจะเป็นรากฐานการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไปในอนาคต

LastUpdate 30/03/2561 14:17:32 โดย : Admin
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 7:25 am