หุ้นทอง
บล.โกลเบล็ก มองตลาดหุ้นไทยยังแผ่ว ให้กรอบดัชนี 1,640-1,690 จุด


บล.โกลเบล็ก  มองสถานการณ์ทางการเมือง เริ่มส่งสัญญาบวก ขณะที่ภาครัฐจ่อมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงปลายปี  ระบุตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบๆใน กรอบดัชนี 1,640-1,690 จุด แนะเก็งกำไรกลุ่มแบงก์ KBANK-SCB-KTB-BBL-KKP-TISCO เหตุ ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และหุ้นแบงก์ปันผลสูง พร้อมแนะ หุ้น CK ได้อานิสงส์จากการทยอยเปิดประมูลเมกะโปรเจกต์   ส่วนหุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วง H2/61 จะเติบโตต่อเนื่อง  ได้แก่ ANAN-ORI-SC-KCE-CPF-SVI   ด้านราคาทองคำ เคลื่อนไหวในกรอบ 1,210-1,250 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่สหรัฐฯขู่ว่าจะมีการเก็บภาษีเพิ่มเติม 


น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ว่า หากพิจารณาจากปัจจัยภายในประเทศ กรณีการเลือกตั้ง เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น  โดยล่าสุดคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมเสนอคสช.คลายล็อกเปิดทางให้พรรคการเมืองสามารถระดมทุนและรับบริจาคได้  รวมทั้งที่ประชุมครม.เตรียมออกมาตรการเร่งด่วนกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี

ทั้งนี้ ยังคงมีความกังวลจากมูลค่าส่งออกในเดือนก.ย.2561 ลดลง 5.2% เป็นการครั้งแรกในรอบ 19 เดือน เนื่องจากฐานในปีก่อนสูง และผลกระทบจากสงครามการค้า รวมทั้งตลาดเกิดใหม่มีปัญหาประกอบกับ Fund Flow ไหลออก นักลงทุนต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขายเกือบ 2.6 แสนล้านบาท และปัจจัยลบจากภายนอกจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลงแรงหลังจากที่ซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าจะรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมัน และความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวหลังจากจีนรายงานตัวเลข GDP ในช่วงไตรมาส 3 ขยายตัว 6.5% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์และชะลอตัวจากที่ขยายตัว 6.7% ในช่วงไตรมาส 2

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายวิจัยยังคงแนะให้ จับตา  วันที่ 24 ต.ค. อียู เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคการบริการขั้นต้นเดือนต.ค. สหรัฐฯ เปิดเผย ดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคการบริการขั้นต้น  ยอดขายบ้านใหม่  สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์  และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) วันที่ 25 ต.ค.  ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย สหรัฐฯ เปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย(pending home sales) เดือนก.ย. และในวันที่ 26 ต.ค.  สหรัฐฯ  เปิดเผยตัวเลข GDP ในช่วงไตรมาส Q3/61  และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.

ด้าน นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย   บล.โกลเบล็ก ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทย เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ1,640-1,690 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นกลุ่มธนาคาร โดยให้น้ำหนักการลงทุน “Overweight” ทั้งนี้มองว่า หุ้นแบงก์ใหญ่ที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจรวม และมีอัตราการจ่ายปันผล สูง ได้แก่ KBANK, SCB, KTB, BBL, KKP, TISCO  

นอกจากนี้ ยังแนะนำหุ้น   CK เนื่องจากมีโอกาสได้งานค่อนข้างสูง  จากการทยอยเปิดประมูลโครงการเมกะโปรเจกต์ ส่วนหุ้นที่น่าจับตาโดยอิงจากผลประกอบการณ์ H2/61ที่มี แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง  ได้แก่ ANAN, ORI, SC, KCE, CPF, SVI สำหรับหุ้น ในตลาด-mai ยังคงแนะนำ  XO, CHAYO, TACC, SSP, AUCT

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทองคำสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้นในกรอบ 1,210-1,250 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังปัญหาการเมืองระหว่างซาอุดิอาระเบียและสหรัฐฯเริ่มรุนแรงขึ้น หลังนายจามาล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย หายตัวอย่างลึกลับ หลังเข้าไปติดต่อธุระที่สถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในนครอิสตันบูล เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา และซาอุดีอาระเบียได้ออกมายอมรับในเวลาต่อมาว่าเขาเสียชีวิตภายในสถานกงสุล  โดยผู้นำสหรัฐฯประกาศจะใช้มาตรการลงโทษสถานหนัก เพราะสหรัฐไม่ยอมรับการใช้ความรุนแรงกับนักข่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั่วโลกซึ่งรวมถึงนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) นายจิม ยอง คิม ประธานธนาคารโลก และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ รวมทั้งผู้บริหารของบริษัทเอกชนหลายแห่งได้ยกเลิกการเข้าร่วมประชุม Future Investment Initiative (FII) ประจำปี 2561 หรือที่เรียกกันว่างาน "Davos in the Desert" ที่เป็นการจัดประชุมภาคธุรกิจครั้งใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย เนื่องมาจากการเสียชีวิตของนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย

ส่งผลให้ทองคำปรับตัวขึ้นต่อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงลงอย่างหนักจากความความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่สหรัฐฯขู่ว่าจะมีการเก็บภาษีเพิ่มเติม
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 24 ต.ค. 2561 เวลา : 14:25:00
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 5:08 pm