แบงก์-นอนแบงก์
รองนายกฯสมคิด สั่ง ธพว.ปั้นเอสเอ็มอีค้าขายผ่านออนไลน์ให้ได้ 5-6 แสนรายใน 1 ปี


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์  รองนายกรัฐมนตรี  พร้อมด้วยนายอุตตม สาวนายน  รมว.อุตสาหกรรม  ได้ตรวจเยี่ยมธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME Development Bank เพื่อเร่งรัดจัดทำข้อสรุปมาตรการความช่วยเหลือให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ทันก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลถึงพี่น้องผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ  และหาแนวทางยกระดับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย         

โดยนายสมคิดได้สั่งการให้ ธพว. ตั้งเป้าหมายยกระดับเอสเอ็มอีให้เข้าสู่กระบวนการอีคอมเมิร์ซ หรือค้าขายออนไลน์ให้ได้อย่างน้อย 500,000-600,000 ราย ในปี 2562  เพราะหน้าที่ของ ธพว.จะไม่ใช่แค่ปล่อยสินเชื่อ แต่จะต้องเป็นผู้อัพเกรดผู้ประกอบการให้แข่งขันได้  เพราะปัจจุบันจากข้อมูลล่าสุด  พบว่าการส่งสินค้าของบริษัทขนส่งเอกชนได้เพิ่มปริมาณขึ้นเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจที่มีการซื้อขายทางออนไลน์   ดังนั้น ธพว.จึงต้องช่วยเอสเอ็มอีในการสร้าง Business Model ใหม่  ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้ระบบดิจิทัลในการทำธุรกิจ          
 
ด้านนายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธพว. กล่าวว่า ธนาคารได้เตรียมโครงการที่เป็นของขวัญปีใหม่ ในปี 2562 จำนวน 2 โครงการ เพื่อมุ่งเน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ประกอบด้วย 1.โครงการประชารัฐเสริมแกร่งการค้าสู่ชุมชน วงเงิน 10,000 ล้านบาท  ที่จะเน้นช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการค้าปลีก บริการ และผลิตภัณฑ์เกษตร ให้กู้ต่อรายไม่เกิน 1 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 7 ปี ปลอดเงินต้นไม่เกิน 1 ปี  กรณีผู้กู้เป็นบุคคล ปีที่ 1-3 คิดอัตราดอกเบี้ย 0.42% ต่อเดือน ส่วนนิติบุคคล ปีที่ 1-3 คิดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อเดือน โดยใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกัน
          
ทั้งนี้ คาดว่าจะช่วยเหลือเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนไม่น้อยกว่า 10,000 ราย   รักษาการจ้างงานไม่น้อยกว่า 30,000 คน มียอดขายเพิ่มขึ้น 40,000 ล้านบาท และช่วยลดต้นทุนเพิ่มกำไรไม่น้อยกว่า 15% เป็นเงิน 6,000 ล้านบาท ช่วยเหลือประชาชนในชุมชนได้ประมาณ 10 ล้านคน และมีเงินหมุนเวียนในระบบไม่น้อยกว่า 45,800 ล้านบาท        
และ 2.โครงการประชารัฐสร้างโอกาสคนตัวเล็ก ล้มแล้วลุก วงเงิน 1,800 ล้านบาท เน้นกลุ่มเอสเอ็มอีที่เป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) แต่ยังดำเนินธุรกิจ เอสเอ็มอีที่ปรับโครงสร้างหนี้แล้ว เอสเอ็มอีที่ปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ เอสเอ็มอีที่ชำระหนี้ไม่สม่ำเสมอ และ เอสเอ็มอีที่ประสบปัญหาทางการเงิน ซึ่งจะยกเว้นการตรวจข้อมูลเครดิตบูโร กู้ได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ระยะเวลากู้ 7 ปี ปลอดเงินต้นไม่เกิน 1 ปี ช่วงปลอดเงินต้นให้ชำระคืนไม่เกิน 100 บาทต่อเดือน
         
ทั้งนี้ คาดว่าจะช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้ไม่น้อยกว่า 30,000 ราย รักษาการจ้างงานไม่น้อยกว่า 90,000 คน และมีเงินหมุนเวียนในระบบไม่น้อยกว่า 7,800 ล้านบาท  โดยทั้ง 2 โครงการดังกล่าว คาดจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้ภายในวันที่ 18 ธ.ค.นี้
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 ธ.ค. 2561 เวลา : 15:01:55
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 12:12 pm