เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.ไทยพาณิชย์คงเป้าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้แตะ 2,000 จุด


บล.ไทยพาณิชย์คงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ 2,000 จุด เชื่อSET Index ปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาสแรก  แนะหุ้น top picks ได้แก่ กลุ่มธุรกิจหมูและธุรกิจทูน่า (CPF TU) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (ROJNA WHA) และ กลุ่มธนาคาร (BBL KTB)


นายพรเทพ ชูพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์  (SCBS) กล่าวถึงสถานการณ์และทิศทางตลาดหุ้นว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกช่วงที่ผ่านมาเป็นการพักฐาน หรือ Correction ในระยะสั้น เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและการเติบโตของกำไรบริษัทไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก โดยความกังวลหลักๆมาจากเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน, ความไม่แน่นอนของข้อตกลงต่อการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่หลายฝ่ายมองว่าขึ้นมามากเกินไป ซึ่งความกังวลเหล่านี้มีแนวโน้มดีขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยจีน-สหรัฐฯจะมีการเจรจากันในต้นเดือน ม.ค.หลังจากสงบศึกการค้าไปก่อนหน้านี้ ส่วนสภาผู้แทนอังกฤษจะมีการลงมติเลือกแนวทาง Brexit  ซึ่งจะทำให้มีความชัดเจนมากขึ้น ในขณะที่เฟดส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในปี 2562 ทั้งหมดนี้จะช่วยลดความกังวลต่อความเสี่ยงหลักๆลงได้มาก ทำให้ปัจจัยภายนอกที่กดดันตลาดเกิดใหม่ค่อยๆคลี่คลายลง
          
สำหรับประเทศไทย SCBS มองว่า เศรษฐกิจรับอานิสงส์วัฏจักรการลงทุนขาขึ้น เห็นได้จากผลการสำรวจภาวะและแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น การลงทุนในประเทศฟื้นตัวดีมีแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อเนื่องไปถึงกลุ่มธนาคาร มองไปข้างหน้า ภาวะและแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อสำหรับไตรมาส 4 ปี 2561 เริ่มเห็นความต้องการสินเชื่อจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกๆประเภท ทั้งสินเชื่อระยะยาว/ระยะสั้นสำหรับธุรกิจทุกขนาดและสินเชื่อภาคครัวเรือนทุกประเภท ส่วนกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 1.75% ตามคาดไปแล้วเมื่อเดือน ธ.ค. ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4 เดือน ต.ค. และ พ.ย. ที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ทั้งการบริโภคในประเทศ การลงทุน และจำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกในเดือน พ.ย. จากนักท่องเที่ยวมาเลเซีย และอินเดียที่เติบโตดี และนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัว คาดดอกเบี้ยไทยยังมีโอกาสปรับขึ้นอีก 1-3 ครั้งในปี 2562 ตามมุมมองวัฏจักรการลงทุนและดอกเบี้ยขาขึ้น  บริษัทจึงยังคงเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ที่ 2,000 จุด จากปัจจัยสนับสนุนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ                    
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนกลุ่มที่มีแนวโน้มสดใสในปี 2562 ไตรมาสแรกจะมาจาก 2 แนวโน้มหลัก ได้แก่ กลุ่มแรก แนวโน้มที่ดำเนินต่อเนื่องมาจากช่วงก่อนหน้า ได้แก่ วัฎจักรการลงทุนรอบใหม่ (กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม) และวัฎจักรการขึ้นอัตราดอกเบี้ย (กลุ่มธนาคาร) ซึ่งได้รับการยืนยันจากการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่แข็งแกร่ง อัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นทะลุ 70% ในเดือน พ.ย. และสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยของกนง. และ กลุ่มที่สอง ตามแนวโน้มที่กำลังมาใหม่ คือวัฎจักรอุณภูมิน้ำทะเลซึ่งสำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NOAA) ของสหรัฐฯ มองว่าโลกกำลังจะเข้าสู่ภาวะ El Nino อ่อนๆ ซึ่งมักส่งผลดีต่อต้นทุนปลาทูน่าจะมีราคาถูกลงขณะที่ส่งผลให้ราคาหมูเพิ่มขึ้น ดังนั้นธีมการลงทุนในไตรมาสแรกปี 2562 หุ้น top picks กลุ่มที่น่าจับตามองได้แก่ กลุ่มธุรกิจหมูและธุรกิจทูน่า (CPF TU) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (ROJNA WHA) และ กลุ่มธนาคาร (BBL KTB)

นายพรเทพ กล่าวด้วยว่าตามสถิติที่ผ่านมาในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.ของทุกปีจะเป็นช่วงที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งบล.ไทยพาณิชย์ยังเชื่อว่ามีโอกาสที่ดัชนีจะกลับไปแตะ 1,600 - 1,700 จุดในช่วง 1-2 เดือนนี้ได้ และมีโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทย กลับไปที่ 1,700 -1,850 จุด ในครึ่งแรกปี 62 ส่วนการยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะสิ้นสุดอายุปี 62  บล.ไทยพาณิชย์ประเมินว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก บลจ.ต่างๆน่าจะมีการออกกองทุนใหม่มารองรับการลงทุน เพื่อดึงเม็ดเงินของกองทุน LTF ที่ยกเลิกไปกลับเข้ามาในตลาดทุน และสำหรับกระแสข่าวการเลื่อนการเลือกตั้งนั้น หากเป็นการเลื่อนออกไปไม่มากก็ไม่มีผลต่อนักลงทุน  แต่หากมีการเลื่อนออกไปไกลก็อาจกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนได้ 

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 03 ม.ค. 2562 เวลา : 14:42:42
18-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 18, 2024, 8:24 pm