สำหรับอุตสาหกรรมICTเกี่ยวข้องกับระบบสัมปทานและสัญญาต่างๆที่ต้องเกี่ยวข้องกับหน่วยงานภาครัฐ ดังนั้นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้จึงหนีไม่พ้นข้อพิพาทกับหน่วยงานรัฐ ซึ่งเห็นกันมาต่อเนื่องและประเด็นข้อพิพาทก็ก่อให้เกิดความกังวล จนกระทบราคาหุ้นบริษัทในกลุ่ม ICTมาตลอด
ล่าสุด DTAC หนึ่งในผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทย ได้ประกาศยอมตกลงจ่ายเงิน 9.5 พันล้านบาท ให้ CAT เพื่อยุติข้อพิพาทส่วนใหญ่กับ CAT ซึ่งถือเป็นรายแรกของกลุ่มที่ทำ
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส หรือ ASP มองว่าความเสี่ยงจากความเสียหายจากข้อพิพาทในอดีต DTAC ลดลง หลังจาก DTAC ตกลงยุติข้อพิพาทกับ CAT ซึ่งเป็นคู่สัมปทานเดิมโดยตรงในระยะสั้นคาดว่า DTAC ต้องบันทึกรายจ่ายดังกล่าวตั้งแต่ไตรมาส 4/2561แต่ DTACได้ทยอยตั้งสำรองมาแล้ว 1.4 พันล้านบาท รายจ่ายสุทธิที่จะบันทึกหลังภาษี จึงประเมินไว้ราว 6.4 พันล้านบาท
ส่งผลให้คาดว่าผลประกอบการของ DTAC งวดไตรมาส 4/2561 จะแย่กว่าที่ฝ่ายวิจัยฯประเมินว่าจะมีกำไรโดดเด่นที่ 1.4 พันล้านบาท จากผลบวกโครงสร้างต้นทุนที่ดีขึ้น หลังหยุดให้บริการด้วยคลื่นสัมปทานที่มีต้นทุนแพง ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 2561
ดังนั้นบล.เอเซีย พลัส คาดว่า DTAC จะพลิกมามีผลขาดทุนสุทธิราว 5 พันล้านบาทในไตรมาส 4/2561 ส่งผลให้ทั้งปี 2561คาดว่า DTAC จะขาดทุนราว 4.4 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวไม่กระทบผลประกอบการปี 2562 จึงยังคงมุมมองผลประกอบการ Turnaround กลับมามีกำไรโดดเด่น 6.3 พันล้านบาทในปี 2562
จากผลบวกที่ TACเปลี่ยนไปให้บริการบนระบบใบอนุญาต ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนกว่าเดิมที่ให้บริการภายใต้ระบบสัมปทานกว่าไตรมาสละ 2 พันล้านบาท ขณะที่ปัญหาเสียลูกค้าจะดีขึ้นเรื่อยๆได้ หากพิจารณาจากบริการ 4G บนคลื่นใหม่ 2300 MHz ซึ่งปัจจุบันมีสถานีฐานเกิน 1.0 หมื่นแห่ง สูงกว่าเดิมที่ให้บริการบนคลื่น 1800 MHz ที่มี 6.0 สถานีฐานไปมากแล้ว
ฝ่ายวิจัยบล.เอเซียพลัส ปรับลดมูลค่าพื้นฐานปี 2562 เพื่อสะท้อนผลกระทบการยุติข้อพิพาท ซึ่งคิดเป็นมูลค่าหลังภาษี 3 บาท ได้มูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 57 บาท จากเดิม 60 บาท ราคาหุ้น DTAC ยังมี Upside น่าลงทุน ด้วยจุดเด่นผลประกอบการปี 2562
ทั้งนี้ควรระมัดระวังการลงทุนหุ้น ADVANC และ TRUE จากความเป็นไปได้ ที่อาจทยอยยุติข้อพิพาทกับหน่วยงานรัฐเหมือน DTAC ซึ่งอาจกระทบระยะสั้น
ข่าวเด่น