เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
พาณิชย์จับมือสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ ดันการค้าออนไลน์ข้ามพรมแดน


กระทรวงพาณิชย์จับมือสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยเร่งพัฒนาการค้าออนไลน์ข้ามพรมแดนแบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B Cross Border e-Trading Platform) หวังขยายช่องทางการค้าและเพิ่มมูลค่าการส่งออกไทย

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมกับสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.)นำโดยนางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสรท. นายณัฐพล เดชวิทักษ์ รองประธานและนายคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหาร จัดประชุมหารือและส่งมอบผลการศึกษาข้อเสนอแนะการพัฒนาแพลตฟอร์ม การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนแบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B Cross Border e-Trading Platform) เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายให้แก่คณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานพิจารณาประกอบเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการค้าออนไลน์ข้ามพรมแดนแบบธุรกิจกับธุรกิจของไทย

นางสาวบรรจงจิตต์  อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในฐานะเลขานุการคณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กล่าวว่ากระทรวงพาณิชย์ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาและขับเคลื่อนการค้าในรูปแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้บูรณาการความร่วมมือกับทุกกระทรวงรวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนแผนพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ ดังนั้นการส่งมอบผลการศึกษาข้อเสนอแนะการพัฒนาแพลตฟอร์มการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนแบบธุรกิจกับธุรกิจซึ่งจัดทำโดยสรท.ในวันนี้จึงจะเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันสินค้าและบริการของไทยสู่ตลาดโลกผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ดำเนินการขยายช่องทางการค้าแบบออนไลน์ผ่านThaitrade.com และ พันธมิตรพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำที่ได้รับความนิยมสูงในโลก อาทิ Amazon  eBay  Gosoko Redmart Coupang และAlibaba เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าให้เกษตรกรSMEและผู้ประกอบการรายใหม่ สู่ตลาดโลกอาทิ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย แอฟริกา ยุโรป สหรัฐ และแคนาดา สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการปีละประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่การค้าออนไลน์ปีละประมาณ 10,000 ราย

สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.)เผยว่าสรท.ในฐานะกรรมการในคณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ได้เล็งเห็นว่าประเทศไทยต้องมีการพัฒนาการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนแบบธุรกิจกับธุรกิจ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ส่งออกและธุรกิจที่เกี่ยวข้องของไทยสามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มการพาณิชย์ฯในการเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างประเทศและแข่งขันกับต่างได้ประเทศได้อย่างยั่งยืน สรท.จึงได้จัดทำข้อเสนอแนะการพัฒนาแพลตฟอร์มการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนแบบธุรกิจกับธุรกิจเพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดกลไกขับเคลื่อนและข้อเสนอแนะการส่งเสริมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนแบบธุรกิจกับธุรกิจ สำหรับให้คณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นำไปใช้ประโยชน์ในเชิงนโยบาย

สำหรับผลการศึกษาแบ่งเป็น 5 ส่วนสำคัญ ได้แก่ 1)การเข้าสู่ตลาดการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในฐานะผู้ส่งออกหรือผู้ขาย 2)การบริการที่สนับสนุนด้านการเงินและระบบการชำระเงินออนไลน์ 3)การใช้บริการด้านโลจิสติกส์  4)การเจรจาต่อรองเงื่อนไขการค้าระหว่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มฯ เพื่อให้สามารถรองรับการกำหนดเงื่อนไขการค้าระหว่างประเทศ และ 5)การฝึกอบรมผู้ประกอบการที่ต้องการใช้บริการแพลตฟอร์ม  

อนึ่งรายงานผลการสำรวจของUNCTADในปี2560ระบุว่าการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกมีมูลค่าถึง 25.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบธุรกิจกับธุรกิจ B2B มีมูลค่า 22.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ  สำหรับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบธุรกิจกับผู้บริโภค (Business-to-Customer: B2C) มีมูลค่า 2.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยคู่ค้าที่สำคัญของไทยทั้งจีน และสหรัฐอเมริกา ล้วนมีมูลค่าการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบข้ามพรมแดนสูง
 
โดยจีนเป็นประเทศที่มีมูลค่าการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบฺB2Cมากที่สุดถึง 617 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่สหรัฐอเมริกามีมูลค่าการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ B2B มากที่สุดถึง 6,443 พันล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นการพัฒนาแพลตฟอร์มการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนแบบ B2B จึงถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับการพัฒนาค้าระหว่างประเทศของไทยให้เข้าสู่การค้ายุคดิจิทัลได้อย่างมั่งคงและยั่งยืนต่อไป
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 ม.ค. 2562 เวลา : 09:55:52
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 6:38 pm