เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุศก.จีนปี61โต6.6%ต่ำสุดรอบ28ปีขณะที่ปี 62คาดโต6-6.4%


ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุศก.จีนปี61โต6.6%ต่ำสุดรอบ28ปี ขณะที่ปี 62คาดโต6-6.4% โดยความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในปี2562 ยังเป็นความท้าทายเชิงนโยบายอย่างต่อเนื่อง


ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าในปี2561เศรษฐกิจจีนขยายตัวร้อยละ6.6ชะลอลงค่อนข้างรวดเร็วจากปี 2560 ที่เติบโตร้อยละ 6.8 โดยโมเมนตัมของเศรษฐกิจจีนให้สัญญาณอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไตรมาส 4/2561 ที่เศรษฐกิจขยายตัวเพียงร้อยละ 6.4 อันเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำที่สุดในรอบ 28 ปี  โดยเศรษฐกิจจีนไตรมาส 4/2561 เติบโตชะลอลงที่ร้อยละ 6.4 (YoY) จากประเด็นทางด้านสงครามการค้าที่ยังไม่มีความแน่นอน พัฒนาการทางเศรษฐกิจของจีนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 ให้สัญญาณถึงโมเมนตัมทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงอย่างรวดเร็ว โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าของจีนเติบโตได้เพียงร้อยละ 4.3 (YoY) เทียบกับร้อยละ 11.1 (YoY) ในไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนถึงผลกระทบจากสงครามการค้าที่เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น อันส่งผลต่อเนื่องไปยังความสามารถในการทำกำไรของภาคธุรกิจให้ลดลงและกลับมาหดตัวร้อยละ (-)1.8 ในเดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี แม้ว่าทางการจีนจะพยายามใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่หลากหลายในการประคองเศรษฐกิจในช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องผ่านสถาบันการเงิน รวมถึงผ่อนคลายการกำกับการลงทุนของรัฐบาลท้องถิ่น 
 
อย่างไรก็ดีหากพิจารณาปริมาณเงินตามความหมายแคบ(M1)ที่เติบโตชะลอลงจนเท่ากับร้อยละ1.5 ในเดือนธันวาคม 2561 สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิผลเชิงนโยบายการเงินที่เผชิญกับข้อจำกัดที่มากขึ้นและสภาพคล่องที่ทางการอัดฉีดลงสู่ระบบเศรษฐกิจน่าจะเป็นเพียงการรักษาต้นทุนทางการเงินให้อยู่ในระดับที่ไม่เพิ่มขึ้น ทว่าไม่น่าจะเอื้อให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนในระยะข้างหน้า นอกจากนี้ยังเห็นการชะลอตัวของจีดีพีภาคบริการ(Tertiary Industry) ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงอุปสงค์ในประเทศที่เริ่มมีทิศทางชะลอลงอีกทางหนึ่งด้วย
         
ส่วนเศรษฐกิจจีนในปี2562คงจะชะลอในอัตราเร่งจากผลของสงครามการค้าที่จะชัดเจนมากขึ้น โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2562 จะเติบโตในกรอบร้อยละ 6.0-6.4  ขณะที่ทางการจีนคงเผชิญโจทย์ที่ท้าทายในการดูแลเสถียรภาพของเศรษฐกิจ ตลอดจนความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
         
- แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2562 คงจะเผชิญกับปัจจัยลบมากขึ้น โดยเฉพาะภาคต่างประเทศ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การส่งออกของจีนน่าจะชะลอสู่ระดับร้อยละ 3.0-5.0 ในปี 2562 เทียบกับการขยายตัวร้อยละ 9.9 ในปี 2561 และจะส่งผ่านผลกระทบไปยังการลงทุนของภาคเอกชนของจีนชะลอลงตาม จากแรงกดดันของคำสั่งซื้อที่ชะลอลง กอปรกับภาระหนี้ภาคธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ทางการจีนน่าจะยังคงนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นขึ้นในปี 2562 เพื่อประคองเศรษฐกิจให้อยู่ในกรอบเป้าหมายการเติบโตร้อยละ 6.0-6.5 ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนคงชะลอลงสู่ระดับร้อยละ 6.0-6.4 (ค่ากลางเท่ากับร้อยละ 6.2) โดยหากการเจรจาทางด้านการค้าสามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายในช่วงครึ่งหลังของปี เศรษฐกิจจีนน่าจะขยายตัวเข้าใกล้กรอบบนของประมาณการ 
         
- สำหรับประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ คงเป็นปัจจัยหลักที่สร้างความไม่แน่นอนและกดดันให้เศรษฐกิจจีนชะลอลงต่อในระยะต่อไป ขณะที่ การเจรจาในการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ อาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าจะได้ข้อสรุป ทั้งนี้ แม้ว่าจีนและสหรัฐฯ จะมีความพยายามในการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงทางการค้าให้ทันในวันที่ 2 มีนาคม 2562 เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบทางลบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้ามูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ฯ จากระดับร้อยละ 10 สู่ระดับร้อยละ 25 รวมทั้งความเสี่ยงที่สหรัฐฯ อาจจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติม แต่โอกาสไม่มากนักที่จีนและสหรัฐฯ จะบรรลุข้อตกลงการค้าในระยะสั้น เนื่องจากจุดมุ่งหมายในการเจรจามีความซับซ้อนมากกว่าประเด็นทางการค้า อย่างไรก็ดี คาดว่าด้วยเงื่อนไขทางเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐฯ และจีน ที่จะเผชิญแรงกดดันมากขึ้นในปีนี้ จะทำให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงกันได้ภายในปี 2562  
          
- นอกจากนี้ ระดับหนี้ของจีนที่แตะระดับสูงสุดใหม่ โดยเฉพาะหนี้ภาคเอกชนที่เพิ่มตัวเร่งขึ้นอีกครั้ง อาจเพิ่มความท้าทายในทางการจีนในการดูแลเสถียรภาพของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า โดยระดับหนี้โดยรวมของประเทศจีนในช่วงไตรมาส 3/2561 ขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี หลัก ๆ จากการเร่งขึ้นของหนี้ภาคธุรกิจ (ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน) ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจชะลอลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 โดยสัดส่วนของหนี้ภาคธุรกิจของจีนเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 10 ของจีดีพีจากระดับร้อยละ 149.6 ของจีดีพี ณ ไตรมาส 3/2560 เป็นระดับร้อยละ 157.1 ของจีดีพี ณ ไตรมาส 3/2561 ขณะที่หนี้ภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 48.0 ของจีดีพี ณ ไตรมาส 3/2560 เป็นระดับร้อยละ 51.0 ของจีดีพี ณ ไตรมาส 3/2561 ทั้งนี้คงต้องจับตาสถานการณ์หนี้ของภาคธุรกิจจีนอย่างใกล้ชิดในปี 2562 เนื่องการปรับเพิ่มขึ้นของหนี้ดังกล่าวจะยิ่งเป็นแรงกดดันต่อภาระหนี้ภาคธุรกิจให้เพิ่มขึ้น ท่ามกลางการเติบโตของผลกำไรของภาคธุรกิจที่ลดลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ สภาพคล่องของภาคธุรกิจที่คงจะเป็นประเด็นมากขึ้นในปี 2562 อาจจะเป็นปัจจัยกดดันให้ธุรกิจไม่มีการลงทุน รวมไปถึงความเสี่ยงในการลดการจ้างงานในระยะข้างหน้า

ดังนั้นทางการจีนคงจะพิจารณาในการเพิ่มบทบาทของการใช้นโยบายการคลังในการดูแลเสถียรภาพของเศรษฐกิจเป็นหลัก เพิ่มเติมจากการดำเนินโยบายการเงินผ่อนคลายที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 ม.ค. 2562 เวลา : 18:48:41
27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 3:08 am