แบงก์-นอนแบงก์
ม.หอการค้าไทยเผยผลสำรวจพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างแบกภาระเหนื่อย


ม.หอการค้าไทยเผยผลสำรวจพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างแบกภาระเหนื่อยSME D Bankประสานพันธมิตรดันนวัตกรรม EV ยกระดับอาชีพรถขนส่งสาธารณะ


 
 
 
 
ม.หอการค้าไทยเผยผลสำรวจสถานภาพผู้ประกอบอาชีพขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ทำงานหนักหารายได้ 25 วันต่อเดือน ต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงกว่า 1 หมื่นบาทต่อเดือน เหลือรายได้12,736.61 บาท แต่ต้องดูแลสมาชิกครอบครัวเฉลี่ยถึง 4 คน เกิดภาวะชักหน้าไม่ถึงหลังแถมไม่มีสวัสดิการรองรับ ด้านSME D Bankรับปากหาแนวทางช่วยเหลือ ประสานพลังงานหน่วยงานพันธมิตร นำนวัตกรรมEVยกระดับอาชีพบริการรถขนส่งสาธารณะ ลดต้นทุน ลดมลภาวะ เติมคุณภาพชีวิตที่ดี
 

 
 
 
ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัยและผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวในการแถลงผลการสำรวจ“สถานภาพผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์รับจ้าง”ว่า ข้อมูลของกลุ่มสถิติการขนส่ง กองแผนงาน กรมการขนส่งทางบก ระบุจำนวนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะที่ได้รับใบอนุญาตทั่วประเทศมี 185,303 ราย ส่วนปัญหาที่ผู้ใช้บริการพบมาก ได้แก่ การทะเลาะวิวาท แย่งลูกค้าระหว่างวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างกับ Grab bike ความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน บอกค่าโดยสารเกินควร วินรถเถื่อนไม่มีใบอนุญาต บริการไม่สุภาพและจอดรถบนทางเท้ากีดขวางทางจราจร

จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง1,243 รายพบว่า70.06%ได้จดทะเบียนถูกต้องแล้วและมีรถเป็นของตัวเอง อายุเฉลี่ยของผู้ประกอบอาชีพนี้อยู่ที่ 39 ปี ทำอาชีพนี้มาแล้วเฉลี่ย 8 ปี ในแต่ละเดือนต้องขี่รถเพื่อหารายได้ถึง25วัน เฉลี่ยวันละ 41 เที่ยว เฉลี่ย 9 ชั่วโมงต่อวัน โดย79.57%ยึดการขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างเป็นอาชีพหลักเพียงอาชีพเดียว โดยมีรายได้เฉลี่ย974.81บาทต่อวันหรือ 24,370.25 บาทเดือน ขณะเดียวกันรายได้ดังกล่าวต้องนำไปดูแลสมาชิกครอบครัวเฉลี่ย 4 คนและเกือบทั้งหมดไม่มีขึ้นทะเบียนเข้ารับระบบสวัสดิการจากภาครัฐ

นอกจากนั้น37.88%บอกว่าไม่มีการวางแผนการออม ขณะที่69.40%บอกว่าในปัจจุบันมีภาระหนี้ ประมาณ 185,858 บาท อัตราการผ่อนเฉลี่ย 5,266.30 บาทต่อเดือน ส่วนทัศนะเกี่ยวการกู้เงินในอนาคต กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 26.92 อยากกู้ในระบบเพื่อซื้อรถจักรยานยนต์คันใหม่

เมื่อถามถึงความต้องการกู้ภายใน1 ปี นับจากปัจจุบัน จำนวน 31.66% มีความต้องการจะกู้เพื่อไปชำระหนี้เก่า ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและเสริมสภาพคล่อง แทบทั้งหมดต้องการกู้ในระบบ วงเงินเฉลี่ย 230,889.49 บาท อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ต้องการกู้ 53.02% ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้ ด้วยเหตุผล ขาดหลักประกัน ไม่มีประวัติเคลื่อนไหวทางการเงินและไม่รู้จะติดต่อธนาคารอย่างไร เป็นต้น

ผศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าวต่อว่าผู้ประกอบอาชีพรถจักรยานยนต์รับจ้างมีต้นทุนค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 11,633.64 บาทต่อเดือน โดย 3 อันดับแรก คือ ค่าน้ำมัน ค่าผ่อนรถจักรยานยนต์และค่าเช่าเสื้อ ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวถือเป็นภาระหนักระดับปานกลางถึงหนักมากรวมกันถึง 90.29%

กลุ่มตัวอย่าง64.20%เผยด้วยว่ายังไม่ได้ใช้แอปพลิเคชันเพื่อบริการรับส่งผู้โดยสาร เนื่องจากมีขั้นตอนและระเบียบยุ่งยาก ใช้แอปพลิเคชันไม่เป็นและมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งการไม่ใช้แอปพลิเคชัน ส่งผลกระทบลูกค้าไม่เดินมาที่วิน และจำนวนลูกค้าลดลง ส่วนกลุ่มที่ใช้แอปพลิเคชันบริการลูกค้า บอกว่ามีรายได้เพิ่มขึ้น1,741.95 บาทต่อเดือน

เมื่อถามว่าหากประสบอุบัติเหตุหรือมีเหตุจำเป็นไม่สามารถขี่รถจักรยานยนต์ได้ชั่วคราว กลุ่มตัวอย่างถึง 68.87% บอกว่าจะกระทบปัญหาการเงินในจำนวนดังกล่าวถึง40.05% บอกว่ากระทบในระดับมาก ส่วนปัญหาการหารายได้ในปัจจุบัน กลุ่มตัวอย่างถึง 73.21% ระบุมาจากต้นทุนน้ำมันสูง ส่วนเงินทุนที่ต้องการใช้ซื้อรถจักรยานยนต์คันใหม่เฉลี่ย 61,817.03 บาท

กรณีหากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.)มีโครงการค้ำประกันเงินกู้กับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.)หรือ SME D Bankเพื่อซื้อรถจักรยานยนต์คันใหม่ กลุ่มตัวอย่าง 27.49% ระบุเข้าร่วม เพราะเห็นว่าเป็นโครงการของภาครัฐที่น่าสนใจ ดอกเบี้ยถูก ลดค่าใช้จ่าย ได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ โดยสามารถผ่อนได้สูงสุด 151.12 บาทต่อวัน

สำหรับข้อเสนอแนะและสิ่งที่ต้องการได้รับจากภาครัฐนั้น ได้แก่ 1.ควบคุมราคาสินค้า เช่น ค่าน้ำมัน ค่าเช่าเสื้อวิน ค่าสินค้าทั่วไป เป็นต้น 2.ปรับราคาค่าโดยสาร 3.จัดระเบียบและบทลงโทษให้เคร่งครัด และ4.สนับสนุนให้มีโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและเข้าถึงง่าย ขณะที่ข้อเสนอและสิ่งที่ต้องการได้รับจากธนาคารรัฐ ได้แก่ 1.ปล่อยกู้โดยไม่เสียดอกเบี้ย หรือลดอัตราดอกเบี้ย 2.เพิ่มสินเชื่อโดยไม่ต้องมีหลักประกัน และ3.อำนวยความสะดวกในขั้นตอนดำเนินการให้ง่ายขึ้น

 
 
 
 
ด้านนายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ SME D Bank กล่าวว่าจากจำนวนผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ประมาณ1.8 แสนราย รวมถึงเกี่ยวข้องไปถึงผู้โดยสารอีกจำนวนมาก ดังนั้นอาชีพขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างจึงมีความสำคัญและควรยกระดับมาตรฐาน ทั้งด้านคุณภาพรถ บริการและความปลอดภัย

“ผู้ประกอบอาชีพรถจักรยานยนต์รับจ้างควรได้รับการดูแล เนื่องจากต้องทำงานหนักเฉลี่ยขี่รถกว่า 9 ชั่วโมงต่อวัน และไม่มีสวัสดิการจากภาครัฐรองรับ เหลือรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจากการประกอบอาชีพเพียง 12,736.61 บาทต่อเดือน แต่มีภาระดูแลสมาชิกครอบครัวเฉลี่ยถึง 4 คน นำไปสู่ปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลัง ดังนั้นธนาคารจะนำผลสำรวจและข้อเสนอแนะจากกลุ่มตัวอย่างไปพัฒนามาตรการช่วยเหลือ เช่น ส่งเสริมความรู้ให้นำแอปพลิเคชันมาเพิ่มลูกค้า รวมถึง ช่วยผู้ขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างลดต้นทุนค่าใช้จ่าย”นายมงคล กล่าว

 
 
 
 
นอกจากนั้นSME D Bankและพันธมิตร ได้แก่ บสย. สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันยานยนต์ และสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ร่วมสนับสนุนการใช้นวัตกรรมยานยนต์ (EV : Electric Vehicle) หรือพาหนะไฟฟ้า ยกระดับปรับเปลี่ยนรถ สำหรับผู้ประกอบอาชีพให้บริการรถขนส่งสาธารณะต่างๆ สร้างประโยชน์ช่วยลดต้นทุนค่าพลังงาน ในขณะเดียวกัน สร้างประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม ลดมลภาวะทางอากาศและทางเสียง สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี

นายมงคล กล่าวต่อว่าหน่วยงานพันธมิตรจะร่วมกันมอบ“3 เติม”ผลักดันผู้ประกอบการด้านขนส่งสาธารณะใช้นวัตกรรม EV ยกระดับอาชีพ ได้แก่“เติมทักษะ”ผ่านการอบรมความรู้ต่างๆ“เติมทุน”ผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี บุคคลธรรมดา อัตราดอกเบี้ย 3ปีแรกเพียง 0.42% ต่อเดือน ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาทต่อราย และหากยกระดับเป็นนิติบุคคล อัตราดอกเบี้ยจะถูกลงไปอีก โดย 3 ปีแรกเหลือเพียง 0.25% ต่อเดือนเท่านั้น

ส่วนปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาทต่อราย สามารถใช้เป็นทุนหมุนเวียน ลงทุนนวัตกรรม และปรับปรุงธุรกิจให้มีความทันสมัย

เมื่อได้รับการ“เติมทักษะ”และ“เติมทุน”จะนำไปสู่การ“เติมคุณภาพชีวิต”ช่วยให้ผู้ประกอบการอาชีพบริการรถขนส่งสาธารณะ รวมถึงครอบครัว อยู่ดี กินดี มีสวัสดิการในชีวิตมั่นคง คุณภาพชีวิตดีขึ้น ประโยชน์ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงด้านเศรษฐกิจเท่านั้น ยังส่งผลดีไปในด้านสังคมอีกด้วย

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 01 มี.ค. 2562 เวลา : 07:34:54
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 1:34 pm