"สิงห์"ชูกลยุทธ์เทคโนโลยี Smart Micro Filter- ดึง “ณเดชน์ คูกิมิยะ”เป็นพรีเซ็นเตอร์ -ทำโปรโมชั่นลดราคาน้ำดื่ม มั่นใจสิ้นปี 2562 นี้ ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 23%
เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีการแข่งขันรุนแรงสำหรับตลาดน้ำดื่ม เนื่องจากมีจำนวนผู้เล่นในตลาดจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการในตลาดต้องหันมาแข่งขันกันในด้านของราคา เพื่อรักษาฐานลูกค้าให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าใหม่ เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคยังคงให้ความสนใจซื้อสินค้าในราคาที่ถูก เพราะปัญหาเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวยังคงมีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วง3ปีที่ผ่านมา ซึ่งช่องทางที่มีการแข่งขันกันมากที่สุด คือ โมเดิร์นเทรด และขนาดที่มีการแข่งขันราคากันรุนแรงมากที่สุดคือ ขนาดบรรจุ 600 มิลลิลิตร จำนวน 12 ขวด เห็นได้จากปัจจุบันขายกันที่ราคาแพคละ 48-49 บาท และจากการที่กำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ผู้ประกอบการในตลาดต่างออกมาคาดการณ์กันว่า สงครามราคายังคงมีอยู่ต่อเนื่องและถี่ขึ้น เพียงแต่สำหรับปีนี้ราคาอาจจะไม่สามารถลงไปมากกว่านี้แล้ว
นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ บริษัท สิงห์คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า การแข่งขันด้านราคาเป็นสี่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าสิงห์จะไม่ต้องการทำ เราก็ยังคงเน้นเรื่องคุณภาพการผลิตเป็นหลัก ทั้ง7โรงงานเราก็ทยอยลงทุนปรับมาตรฐานการผลิตเป็นระบบ สมาร์ทไมโครฟิลเตอร์หมดแล้ว และมีปริมาณผลิตมากพอกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนนี้และเหตุภัยแล้งด้วย
นอกจากจะแข่งขันกันในด้านของราคาแล้ว ผู้ประกอบการในตลาดน้ำดื่มยังแข่งขันกันในด้านของคุณภาพน้ำ เห็นได้จากการที่ปัจจุบันผู้ประกอบการในตลาดเริ่มหันมาชูกลยุทธ์กระบวนการผลิตน้ำดื่มที่ได้มาตรฐาน เช่นเดียวกับบริษัท สิงห์คอร์เปอเรชั่น จำกัด ที่ล่าสุดออกมาเปิดตัวเทคโนโลยี “Smart Micro Filter” เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในด้านของกระบวนการผลิตและความสะอาด
นายธิติพร กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจน้ำดื่มสิงห์ในปีนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับการสื่อสารการตลาด ด้วยการบอกเล่าที่มาคุณภาพผลิตภัณฑ์ของน้ำดื่มสิงห์ เพราะถือเป็นหัวใจหลักของการผลิตสินค้าให้กับผู้บริโภค โดยบริษัทจะระดมทีมฝ่ายสำนักงานมาตรฐานและประกันคุณภาพ สายเทคโนโลยีและพัฒนาผลิตภัณฑ์และทีมวิศวกรรมจำนวนมาก สำหรับวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้เทคโนโลยีการผลิตน้ำดื่มที่ดีและเหมาะกับร่างกาย โดยเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า “Smart Micro Filter” อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของน้ำดื่มสิงห์เท่านั้น มาใช้ในกระบวนการผลิตนี้กับสินค้าในโรงงานทุกแห่งทั่วประเทศ
เหตุผลที่ทำให้น้ำดื่มสิงห์หันมาเปิดตัวเทคโนโลยี “Smart Micro Filter” ในครั้งนี้ เพราะน้ำถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของร่างกายมนุษย์คิดเป็นอัตราส่วนมากถึง 70% ซึ่ง น้ำดื่มสิงห์ต้องการมอบผลิตภัณฑ์ที่ใช่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยมีเทคโนโลยี Smart Micro Filter ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะ ที่มีประสิทธิภาพและความละเอียดสูง สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ แบคทีเรีย สิ่งสกปรก ที่ปะปนมากับน้ำออกไป แต่คงไว้ซึ่งแร่ธาตุตามธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
ด้วยเหตุนี้เองน้ำดื่มสิงห์จึงเลือกใช้เทคโนโลยีการผลิตน้ำดื่ม Smart Micro Filter และเพื่อให้ผู้บริโภคได้ทราบถึงจุดเด่นของเทคโนโลยีดังกล่าว น้ำดื่มสิงห์ จึงได้มีการทำแคมเปญ “ดื่ม..สิ่งที่ใช่ให้ตัวเอง” พร้อมดึงซุปเปอร์สตาร์แถวหน้าของเมืองไทยที่อยู่ในใจของผู้บริโภคเป็นอันดับต้นๆ(Top of Mind) อย่าง“ณเดชน์ คูกิมิยะ”มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแคมเปญดังกล่าว เพื่อจับตลาดในวงกว้าง(Mass) ทั้งเด็ก คนรุ่นใหม่ ผู้ใหญ่ และครอบครัว
นายธิติพร กล่าวว่า เหตุผลของการเลือก ณเดชน์ เพราะเป็นนักแสดงที่ดูแลตัวเองอย่างดี มีการออกกำลังกาย ใส่ใจสุขภาพ ซึ่งถือเป็นคาแร็กเตอร์ที่สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ นั่นคือการเลือกสิ่งที่ใช่ให้กับตัวเอง และการที่ ณเดชน์ ก็เป็นนักแสดงในดวงใจของผู้บริโภค ยังเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างการรับรู้และช่วยให้ข้อมูลความรู้(Educated) มาตรฐานใหม่ของน้ำดื่มให้เกิดกับผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังได้ใช้งบการตลาดกว่า 200 ล้านบาท จัดแคมเปญการตลาด “ดื่ม..สิ่งที่ใช้ให้ตัวเอง” ผ่านสื่อแบบ 360 องศา ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ เพื่อเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง ผ่านพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มวัยรุ่น ควบคู่ไปกับการเน้นทำตลาดน้ำดื่มขนาด 330 มิลลิลิตร ลายการ์ตูนมายลิตเติ้ลโพนี่ รวมไปถึงการเป็นสปอนเซอร์กิจกรรม Disney On Ice เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายเด็ก
หลังจากเดินหน้าขยายฐานผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง น้ำดื่มสิงห์ มั่นใจว่าสิ้นปี 2562 นี้จะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 23% จากปัจจุบันมีอยู่ที่ 21% ตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดน้ำดื่มในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 36,000 ล้านบาท ขณะที่เชิงปริมาณรวมมียอดขายอยู่ที่ 3,300 ล้านลิตร เติบโต 9.3% แบ่งตามบรรจุภัณฑ์แบบขวดพีอีที (PET) มูลค่า 34,200 ล้านบาท เชิงปริมาณรวม 3,130 ล้านลิตร หรือคิดเป็นสัดส่วน 95% เติบโต 10% แบบขวดแก้ว (GLASS) มูลค่า 1,800 ล้านบาท เชิงปริมาณรวม 170 ล้านลิตร คิดเป็นสัดส่วน 5%
ทั้งนี้ ในมูลค่าดังกล่าวน้ำดื่มสิงห์ยังครองความเป็นเบอร์ 1 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 21% เพิ่มขึ้น 10% ตามด้วยคริสตัล 20.6% เนสท์เล่ 15.2% น้ำทิพย์ 8.3% ช้าง 2.4% และอควาฟิน่า 1.5%
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์น้ำดื่มสิงห์ทำตลาดหลักในบรรจุภัณฑ์ 2 แบบ อาทิ ขวดพีอีที มี 5 ขนาด ได้แก่ ขนาด 330 มล. ราคา 5 บาท, 600 มล. ราคา 7 บาท, 750 มล. ราคา 9 บาท, 1,500 มล. ราคา 14 บาท และ 6 ลิตร ราคา 40 บาท ส่วนขวดแก้วมีขนาด 500 มล. ราคา 10 บาท และน้ำถัง 19 ลิตร ราคา 65 บาท
การออกมาเปิดเกมรุกของน้ำดื่มสิงห์ในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยี Smart Micro Filter มาใช้ การดึง “ณเดชน์ คูกิมิยะ”มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือการทำโปรโมชั่นลดราคาน้ำดื่ม น่าจะทำให้น้ำดื่มสิงห์ น่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นได้ แต่จะได้ตามเป้าหรือไม่คงต้องมารอลุ้นซัมเมอร์นี้ ว่ายอดขายจะพุ่งแค่ไหน เพราะคู่แข่งในตลาดเองก็ไม่น่าจะยอมแพ้ให้เข้ามาชิงแชร์ได้ง่ายๆเหมือนกัน โดยเฉพาะคู่แข่งเบอร์ 2 อย่างคริสตัล ซึ่งปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดห่างกันเพียง 1% เท่านั้น
ทั้งนี้เห็นได้จากการที่น้ำดื่มคริสตัล ออกมาเปิดตัวโฆษณาชุดใหม่ ที่ยังคงมี “นาย ณภัทร เสียงสมบุญ” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ขณะเดียวกันยังมีการทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีแบรนด์น้ำดื่มอื่นๆออกมาทำการตลาดกันมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมตลาดน้ำดื่มปีนี้ค่อนข้างมีความคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมา
ข่าวเด่น