แบงก์-นอนแบงก์
PEAผนึกไทยพาณิชย์พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการไฟฟ้าครบวงจร PEA Energy Intelligence


PEA ผนึก ไทยพาณิชย์พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการไฟฟ้าครบวงจร PEA Energy Intelligence พร้อมศึกษาต่อยอดประสบการณ์ Digital Lending ขณะที่ไทยพาณิชย์ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรายใหญ่เพียง 1-2% 

         
 
 
 
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหรือPEA จับมือธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมขับเคลื่อนระบบนิเวศดิจิทัล (Digital Ecosystem) สู่อุตสาหกรรมไฟฟ้า ประกาศความร่วมมือพัฒนา "PEA Energy Intelligence" บริการดิจิทัลเพื่อบริหารจัดการไฟฟ้าสำหรับธุรกิจและครัวเรือนครบวงจร เสริมศักยภาพของแอพพลิเคชั่น PEA Hero Platform ช่วยยกระดับคุณภาพการใช้พลังงานไฟฟ้าของผู้เกี่ยวข้องทั้งระบบต้นน้ำ-ปลายน้ำ ครอบคลุมตั้งแต่การสำรวจวิเคราะห์ระบบไฟฟ้าเดิม จนถึงการจัดหาและรับรองคุณภาพซัพพลายเออร์ติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมบริการทางการเงินเปิดช่องทางให้ผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่มเข้าถึงแหล่งทุนจากธนาคารไทยพาณิชย์ 
          
 
 
 
นายเขมรัตน์ ศาสตร์ปรีชา รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เปิดเผยว่า ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในโลกยุคปัจจุบัน นำมาสู่การพัฒนาและเปลี่ยนแปลงในธุรกิจทุกภาคส่วน ไม่เว้นแม้แต่ภาคอุตสาหกรรมและพลังงาน ซึ่งประชาชนก็หันมาใส่ใจในเรื่องการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น PEA จึงพัฒนาโครงการ PEA Energy Intelligence ที่เป็น Feature ใหม่ล่าสุดของแอพพลิเคชั่น PEA Hero Platform โดย PEA Energy Intelligence จะเป็นการให้บริการด้านการผลิตพลังงานไฟฟ้าและด้านการบริหารจัดการพลังงานด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เหมาะสมและมีความทันสมัย เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด และจะมีการต่อยอดการให้บริการต่างๆ เกี่ยวกับการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเกิดความคุ้มค่าแก่สังคมในอนาคต อาทิ บริการสำรวจและวิเคราะห์ระบบไฟฟ้าเดิม บริการการออกแบบติดตั้งอุปกรณ์และระบบซอฟต์แวร์การจัดการไฟฟ้า สร้าง Marketplace รวบรวม ซัพพลายเออร์ผู้จัดจำหน่าย วางระบบ และติดตั้งอุปกรณ์จากทั่วประเทศที่ได้มาตรฐานสากลและผ่านการรับรองคุณภาพจาก PEA 
          
 
 
 
 
นายวศิน ไสยวรรณ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารไทยพาณิชย์ได้ทุ่มเทศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะการได้รับความไว้วางจากลูกค้าธุรกิจให้ธนาคารเข้าไปพัฒนาและเป็นส่วนหนึ่งในแพลตฟอร์มการให้บริการขององค์กรทั้งกลุ่มสถาบันการศึกษา กลุ่มการแพทย์ กลุ่มธุรกิจค้าปลีก กลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และครั้งนี้ได้รับความไว้วางใจจาก PEA ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจผู้ให้บริการสาธารณูปโภคที่เข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศ
 
นับเป็นความภาคภูมิใจอีกครั้งหนึ่งของธนาคารที่จะมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นผ่านการพัฒนา PEA Energy Intelligence เพื่อเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการพลังงานอย่างครบวงจร โดยธนาคารพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงสินเชื่อและแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ที่อยู่บนแพลตฟอร์มดังกล่าว เพื่อส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ใช้และผู้ให้บริการไฟฟ้า ลดข้อจำกัดของผู้ใช้ไฟฟ้าในเรื่องงบประมาณสำหรับติดตั้งอุปกรณ์และระบบ พร้อมทั้งอยู่ระหว่างศึกษาต่อยอดพัฒนาบริการ Digital lending
 
ซึ่งในขณะนี้ทางธนาคารได้เริ่มให้บริการแล้วกับทาง LAZADA อีกทั้ง ยังมีบริการ Personal Lending Online ให้กับลูกค้าของธนาคารที่ใช้บริการ SCB Easy App อีกด้วย ซึ่งธนาคารมุ่งหวังว่าการพัฒนาบริการอย่างครบวงจรบนแพลตฟอร์มที่ทั้งสะดวก รวดเร็ว และคล่องตัวจะมีส่วนช่วย ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการไฟฟ้าของทุกภาคส่วน ซึ่งจะมีผลต่อภาพรวมการใช้พลังงานของประเทศอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน 
          
"ธนาคารไทยพาณิชย์ยังคงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาขีดความสามารถทางด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายศักยภาพขององค์กรในการเชื่อมต่อบริการระหว่างธนาคารกับลูกค้าทุกกลุ่มในรูปแบบต่างๆ (Bank as a platform) ขอขอบคุณ PEA ที่มอบความเชื่อมั่นให้กับธนาคารไทยพาณิชย์ในการมีส่วนร่วมพัฒนา PEA Energy Intelligence ซึ่งเป็น Feature หนึ่งบน PEA Hero Platform แพลตฟอร์มที่สำคัญขององค์กรและเป็นประโยชน์ต่อ ขีดความสามารถของประเทศในอนาคต ธนาคารมีความยินดีที่จะร่วมสนับสนุนรัฐวิสาหกิจอื่นๆ เพื่อช่วยส่งเสริมให้แต่ละองค์กรสามารถก้าวสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลที่ทันสมัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ" นายวศิน กล่าว

นายวศิน บอกด้วยว่าปีนี้ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรายใหญ่เพียง1-2% ลดลงจากปีก่อนที่เติบโต 5-6% จากพอร์ตสินเชื่อคงค้างที่ 8 แสนล้านบาท เนื่องจากธนาคารต้องการปรับพอร์ตสินเชื่อให้มีความเหมาะสม จากปัจจุบันธนาคารมีสินเชื่อระยะยาว 70% สินเชื่อระยะสั้น 30% และปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อระยะสั้นเป็น 35% และในปี 2563 เพิ่มเป็น 40% ขณะที่สินเชื่อธุรกิจเพื่อการค้า(เทรดไฟแนนซ์) ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 20-25% จากปีก่อนประมาณ 10% โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 15-17% และปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 20% เป็นอันดับ 3 รองจาก ธนาคารกรุงเทพจำกัดและ ธนาคารกสิกรไทย 

สำหรับค่าธรรมเนียมของสินเชื่อรายใหญ่ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต15-20% จากปีก่อนที่โตประมาณ10%  ขณะที่ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปีนี้จะทรงตัวหรือเติบโตจากปีก่อนเล็กน้อย ส่วนรายได้รวมของธุรกิจสินเชื่อรายใหญ่ปีนี้คาดเติบโตอยู่ที่ 4-5% ขณะที่ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 65% และรายได้ค่าธรรมเนียม 35%

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 มี.ค. 2562 เวลา : 15:13:18
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 12:54 am