หุ้นทอง
บล.ทิสโก้ มองหุ้น PREB (พรีบิลท์) มีศักยภาพเติบโตสูง พร้อมปันผลจูงใจ


บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ วิเคราะห์หุ้น PREB หรือ บมจ.พรีบิลท์ มีแนวโน้มสดใส 

โดยแนวโน้มธุรกิจทั้งหมดของ PREB มีแนวโน้มสดใส จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของบริษัทมี Backlog  จำนวน 8,141.3 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 50% ในขณะที่ PCM มี Backlog 570.6 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ ส่วนธุรกิจลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ Pre-Built Holding มีโครงการที่คาดวาจะเริ่มรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งในส่วนที่ทำเอง 100% ผ่านบริษัทย่อย คือ IS AM ARE และในส่วนของ Joint Venture โดยทั้งหมดคาดว่าจะสามารถผลักดันให้รายได้รวมของบริษัทจะเติบโต 20% ในปีนี้ ซึ่งน่าจะทำได้เพราะส่วนใหญ่มาจาก BACKLOG อย่างไรก็ตามการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นความเสี่ยงเนื่องจากค่าแรงคิดเป็นต้นทุนประมาณ 30% ของบริษัท(แต่ไม่ใช่แรงงานทั้งหมดที่ได้รับค่าแรงขั้นต่ำ) หากมีการปรับขึ้นค่าแรงจริง (ซึ่งคงไม่ใช่ปีนี้ บริษัทคงต้องขอเจรจาต่อรองกับเจ้าของโครงการเพื่อขอการชดเชย เราเชื่อว่าการปรับขึ้นคงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปและบริษัทอาจเลือกที่จะลดผลกระทบบางส่วนด้วยการปรับใช้เครื่องจักรทดแทนแรงงานมากขึ้น ส่วน L/T Employee Benefit บริษัทบันทึกไปหมดแล้ว

ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเติบโตต่อเนื่องโดยรายได้ทั้งหมดในปีนี้มาจาก Backlog
 
ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ 8.14 พันล้านบาท โดยมีทั้งโครงการคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน และอาคารอื่นๆ บริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ 50%, 30% และ 20% ของ Backlog ในปี 2019F-2021F ทำให้บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการรับเหมาก่อสร้างประมาณ 4 พันล้านบาทในปีนี้หรือโต 17% และโตต่อเนื่องอีกปีละ 12% ในปี 2020-21F เนื่องจากเขื่อว่าจะมีการลงทุนภาคเอกชนต่อเนื่องหลังรถไฟฟ่าส่วนต่อขยายทยอยเปิดวิ่ง ในขณะที่คาดว่าจะสามารถรักษาระดับ Gross margin ที่ 16-17%
 
ธุรกิจวัสดุก่อสร้างคาดเติบโตแข็งแกร่งในปีนี้จาก Backlog จำนวนมากในมือ 
 
ในส่วนของธุรกิจวัสดุก่อสร้างบริษัทมี Backlog 570 ล้านบาทซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งมอบและรับรู้รายได้ได้ทั้งหมดในปีนี้ และโตปีละ 5% ในปี 2020-21F เนื่องจากบริษัทดำเนินการผลิตเกือบเต็มที่แล้ว ในขณะที่ Gross margin อยู่ที่ 20-21% 
คาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มสร้างกำไรเพราะเริ่มมีโครงการทยอยโอน
 
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทมี 2 ส่วนคือ ส่วนที่ทำเองผ่าบริษัทย่อยที่ PREB ถือหุ้น 100% คือ บริษัท IS AM ARE และ JOINT VENTURE ที่บริษัทไปร่วมทุนกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทจะบันทึกเฉพาะส่วนแบ่งกำไร/(ขาดทุน) ในส่วนของ IS AM ARE มี 3 โครงการซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโครงการที่อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เช่น คอนโดใกล้รถไฟฟ้า (สุขุมวิท 24 และ 26) ในราคาที่ต่ำกว่าโครงการใกล้เคียง และบ้านเดี่ยวที่บางแวกซึ่งจะเปิดขายในช่วง 4Q19 
 
ในส่วนของ JV ในขณะนี้มี 5 โครงการ ซึ่ง 1 ในนี้คือโครงการ Senanikom Station ที่บริษัทถือหุ้น 49% ซึ่งขายได้แล้วกว่า 90% และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและทยอยโอนได้ปลายปีนี้ ส่วนโครงการที่เหลือจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป

 
สถานะทางการเงินแข็งแกร่ง เงินปันผลจูงใจ
 
ณ สิ้นปี 2018 D/E Ratio ของบริษัทอยู่ที่ 0.89 เท่า ยังสามารถเพิ่มหนี้ได้หากต้องลงทุนเพิ่ม และธุรกิจก่อสร้างของบริษัทแม่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากนัก ทำให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับสูง โดยในปี 2018 บริษัทจ่าย DPS ที่ 0.80 บาทคิดเป็น Payout ratio ที่ 64% และ Dividend yield ที่ 7.5% ที่ราคาปัจจุบันของ PREB ที่ 10.60 บาท และหากเทียบกับ EPS ปี 2018 ที่ 1.245 บาท หุ้น PREB จะมีระดับ PER ที่ 8.5 เท่าเท่านั้น ปัจจุบันข้อมูลใน SETTRADE ยังไม่มีประมาณการ Consensus ของ PREB
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 01 เม.ย. 2562 เวลา : 12:00:07
17-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 17, 2024, 2:53 am