แบงก์-นอนแบงก์
กรุงไทยแนะSMEsบุกมูลค่าตลาดFunctional Foodsมูลค่าตลาดแตะ6.8หมื่นลบ.


ธนาคารกรุงไทยแนะอาหารที่ทำหน้าที่เฉพาะด้าน(Functional Foods) เป็นเทรนด์อาหารแห่งอนาคต โดยมีขนาดประมาณ68,000 ล้านบาท และคาดจะโตเฉลี่ยปีละ 4% สามารถสร้างผลกำไรสูงกว่าอาหารทั่วไปเกือบ 3 เท่า และเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายในกลุ่ม S-Curve ที่ภาครัฐส่งเสริม ที่สำคัญยังไม่มีผู้นำตลาดอย่างชัดเจน จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ SME ในการเจาะตลาด โดยควรร่วมกับหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญช่วยทำวิจัย เพื่อประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น

          
 
 
 
ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงาน Global Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า จากการทำบทวิจัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงในการส่งเสริมสุขภาพด้านต่างๆ เพิ่มเติมจากคุณประโยชน์ของอาหารทั่วไปหรือFunctional Foods ซึ่งเป็นอาหารสำหรับตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้ออกกำลังกาย กลุ่มผู้ใส่ใจความงาม พบว่ามีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประเมินมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 68,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 4% ซึ่งในต่างประเทศอัตรากำไรของบริษัทที่ทำ Functional Foods จะสูงกว่าอาหารทั่วไปถึงเกือบ 3 เท่า โดยมีอัตรากำไรเฉลี่ยสูงถึง 7.3% ขณะที่ผู้ประกอบการอาหารทั่วไปอยู่ที่ 2.8 % อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม S-Curve ที่ภาครัฐให้การสนับสนุน
          
 
 
 
นอกจากนี้Functional Foodsยังสอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้บริโภคที่ให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพมากขึ้น และมีแนวคิดว่าการป้องกันโรคดีกว่าการรักษาโรค รวมทั้งต้องการทางเลือกที่ไม่ใช่ยา จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ SME ในการเจาะตลาดนี้ ซึ่งกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ยังเข้าไม่ถึงและยังไม่มีผู้นำตลาดอย่างชัดเจน ที่สำคัญผู้บริโภคในกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับคุณค่าและประโยชน์ของสารอาหารมากกว่าราคา ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา โดยกลุ่มที่น่าสนใจคือ กลุ่มอาหารที่ให้พลังงานสูง กลุ่มควบคุมน้ำหนักและกลุ่มเสริมภูมิคุ้มกัน
          
 
 
 
ทางด้าน นายอภินันทร์ สู่ประเสริฐ รองผู้อำนวยการฝ่าย สายงาน Global Business Development and Strategyกล่าวเสริมว่าในการเตรียมตัวเพื่อก้าวเข้าสู่ตลาด Functional Foods ผู้ประกอบการควรสำรวจความต้องการของตลาด ศึกษาสารอาหารที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และควรเป็นพันธมิตรกับหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยทำวิจัย เช่น ผู้ผลิตสารอาหารเฉพาะด้าน (Functional Ingredients) และหน่วยงานวิจัยจากภาครัฐหรือสถาบันการศึกษาเพื่อลดความเสี่ยงในการทำวิจัยเองและช่วยให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตรงความต้องการของตลาดได้ง่ายขึ้น ทั้งเรื่องของรสชาติที่อร่อย การรักษาคุณสมบัติของสารอาหารให้คงเดิมและได้มาตรฐานการผลิต ตามมาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
          
"ผู้ประกอบการต้องเข้าใจเรื่องการรักษาคุณค่าของสารอาหารที่เติมลงไปจนถึงมือผู้บริโภค โดยปัจจุบันเทคโนโลยีในการรักษาคุณค่าของสารอาหารก้าวหน้าไปมาก เช่น เทคโนโลยี Encapsulation ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างชั้นป้องกันสารสำคัญจากปฏิกิริยาหรือสภาพแวดล้อม เทคโนโลยีในการรักษารสชาติ สี กลิ่น ให้ใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์อาหารเดิม ทั้งนี้ เป็นที่แน่นอนว่า ในอนาคตจะมีผลิตภัณฑ์ Functional Foods ใหม่ๆออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่มีความต้องการเฉพาะเจาะจงมากขึ้น และหากเป็นไปตามที่ภาครัฐตั้งเป้าหมายไว้ ในปี 2564 คาดว่าจะมีผู้ประกอบการอาหารที่มีนวัตกรรมอาหารประมาณ9,000 ราย"
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 04 เม.ย. 2562 เวลา : 17:25:06
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 8:57 am