การตลาด
สกู๊ป"เชียร์"ปลุกกลยุทธ์ซัพแบรนด์ชิงเค้กตลาดเบียร์เมนสตรีม


ถือเป็นปีที่ตลาดเบียร์มีความคึกคักพอสมควรสำหรับปี2562นี้ เนื่องจากผู้ประกอบการในตลาดต่างพากันออกมาเปิดตัวกลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ๆออกมา เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดรวมเบียร์ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ารวมกว่า1.4แสนล้านบาทกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะตลาดเบียร์ระดับกลางหรือตลาดเบียร์เมนสตรีม ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงสุด โดยปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.39 แสนล้านบาท จึงทำให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในตลาดนี้เริ่มออกมาทำกิจกรรมการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายกันอย่างคึกคัก


แต่เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายไม่อนุญาตให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถโฆษณาสินค้าผ่านสื่อได้ จึงทำให้ผู้ประกอบการในตลาดต้องออกมาปรับแผนเพื่อให้สามารถโฆษณาแบรนด์สินค้าได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็จะเห็นได้ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายแบรนด์หลบข้อห้ามทางกฎหมาย ด้วยการแตกไลน์สินค้าใหม่ๆในกลุ่มนอนแอลกอฮอล์ออกมา  เช่น น้ำดื่มและโซดาเพื่อให้สามารถโฆษณาแบรนด์สินค้าผ่านสื่อได้

 
 
 
 
และล่าสุดที่เห็นคือการที่กลุ่มบริษัท ทีเอพี หรือ บริษัทไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัดผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทเบียร์ภายใต้แบรนด์ ไฮเนเก้น, ไทเกอร์, เชียร์ และกินเนสส์ก็ออกมาเปิดตัวไฮเนเก้น 0.0 เครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์หรือเบียร์ไม่มีแอลกอลฮอล์เข้าทำตลาด เพื่อให้สามารถสื่อสารแบรนด์ผ่านสื่อไปถึงผู้บริโภคได้

จากการเลือกใช้กลยุทธ์ดังกล่าวของกลุ่มบริษัท ทีเอพี ทำให้ไฮเนเก้นประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์เป็นอย่างดี เห็นได้จากการที่ผู้บริโภคพูดถึงแบรนด์ไฮเนเก้นที่ผลิตเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์เข้ามาทำตลาดจนกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ในชั่วข้ามคืน ซึ่งจากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว ทำให้กลุ่มบริษัททีเอพีประกาศแผนเดินหน้ารุกตลาดเบียร์ต่อทันที โดยแบรนด์สินค้าตัวต่อไปที่จะเร่งออกมาทำตลาด คือ เชียร์

สำหรับกลยุทธ์กลุ่มบริษัททีเอพี เลือกนำมาใช้ในครั้งนี้คือ การแตก Sub-Brandของเบียร์เชียร์เข้ามาทำตลาดอีกครั้งหนึ่ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้เคยแตก Sub-Brand“Selection”ด้วยการส่งรสชาติลิมิเต็ด เอดิชั่นอย่าง Riceberry,  Shogun Orange Lager หรือStarwberry ลงสู่ตลาด ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายของสินค้าแบรนด์นี้มีอัตราการเติบโตสูงถึง 24% ซึ่งจากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าวทำให้กลุ่มบริษัท ทีเอพี เล็งเห็นโอกาสในการผลักดันให้เบียร์เชียร์ กลับมาเติบโตอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว“เชียร์ ซีเล็คชั่น สยาม ไวเซ่น”จำนวน 2 รสชาติใหม่เข้ามาทำตลาด พร้อมแพ็กเกจจิ้งสดใส ชูจุดเด่นภาพลักษณ์ความเป็นไทยในลุ๊คโมเดิร์น เข้ามาสร้างสีสันและความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด

 
 
 
ในส่วนของสินค้า2 รสชาติใหม่ที่กลุ่มบริษัททีเอพี เลือกนำมาทำตลาดในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1. Cheers Slection Siam Weizen วีทเบียร์สไตล์เยอรมัน แอลกอฮอล์ 4% ตัวกระป๋องเป็นหน้ายักษ์ ซึ่งเป็นความตั้งใจของแบรนด์ที่อยากให้ผู้บริโภคเรียกชื่อเล่นที่จำง่ายๆว่า“เบียร์หน้ายักษ์” เพี้ยนเสียงจากคำว่า เบียร์น่ารัก 2. จับ Cheers Selection Riceberry ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาใส่แพ็กเกจจิ้งใหม่ รูปไก่ฟ้าพญาลอสัตว์ที่กินข้าวหลายชนิดเป็นอาหารและหนึ่งในนั้นคือ ไรซ์เบอร์รี่ มาเป็นดีไซน์หลักบนกระป๋องแทนที่กระป๋องสีดำของเดิม

ทั้งนี้ในส่วนของแพ็กเกจจิ้งรูปยักษ์จะชูจุดเด่นที่ความลงตัวแบบวีทเบียร์สไตล์เยอรมันที่ยังคงความเป็นไทยในบรรจุภัณฑ์ประเภทกระป๋องขนาด 490 มล. ราคาขายปลีก 55 บาท ขณะที่แพ็กเกจจิ้งไก่ฟ้าพญาลอจะมีจุดเด่นในด้านของเบียร์ดำแบบยุโรป ผสมกับวัตถุดิบคุณภาพสูงอย่างข้าวไรซ์เบอร์รี่ ทำให้เบียร์มีสีน้ำตาลที่สวยงามในปริมาณแอลกอฮอล์5% ที่บรรจุอยู่ในกระป๋องขนาด 490 มล. ราคาขายปลีกแนะนำ50บาท

 
 
 
 
 
น.ส.พชรชนก ศิลอุดม ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์เมนสตรีม กลุ่มบริษัท ทีเอพี กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายหลักของเบียร์เชียร์ ซีเล็คชั่น สยาม ไวเซ่น จะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้บริโภคเบียร์เมนสตรีมแบบเดิมอายุ 20–49 ปี และมีรายได้ปานกลาง ชอบความคุ้มค่าและเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์สูงๆและกลุ่มผู้บริโภคเบียร์เมนสตรีมระดับบนที่มีอายุ 20–44 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มองหาความหลากหลายและชื่นชอบการดื่มเบียร์รสชาติที่แปลกใหม่มากกว่าเบียร์ประเภทลาเกอร์ทั่วๆ ไป

ส่วนกลยุทธ์การทำตลาด“เชียร์ ซีเล็คชั่น สยาม ไวเซ่น”นั้นจะเน้นไปที่การสื่อสารแบบออนไลน์ที่ตั้งเป้าหมายในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเมนสตรีมทั่วประเทศที่ 17 ล้านคนในการจดจำตราสินค้า (Brand Awareness) พร้อมวางตำแหน่งของสินค้า (Positioning) ในการเป็นผู้เบิกทางของกลุ่มตลาดเมนสตรีมระดับบนกับภาพแบรนด์ไทยคราฟต์พรีเมียม ขณะเดียวกันก็จะเน้นทำกิจกรรมการตลาด (Below the line) เจาะตลาดในหัวเมืองต่างจังหวัด ผ่านการสนับสนุนกิจกรรมคอนเสิร์ต ซึ่งหลังจากทำกิจกรรมการตลาดดังกล่าวคาดว่าจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพิ่มขึ้น 70%

น.ส.พชรชนก กล่าวอีกว่าหลังจากออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาดดังกล่าวบริษัทคาดว่าจะมียอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่าครั้งที่เปิดตัว Sub-Brand “Selection” เข้ามามาทำตลาดอย่างแน่นอน ซึ่งครั้งดังกล่าวบริษัทมียอดขายเติบโตจากปกติสูงถึง24% แม้ว่าปี 2561ตลาดเบียร์เมนสตรีมจะมีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง แต่ตลาดกลับเติบโตติดลบ 4% เนื่องจากตลาดเบียร์เทนสตรีมได้รับผลกระทบโดยตรงจากกำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัว

จากยอดขายที่คาดว่าจะเติบโตดังกล่าวทำให้กลุ่มบริษัท ทีเอพี มั่นใจว่าสิ้นปี2562 นี้จะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเบียร์เชียร์เพิ่มมาอยู่ที่ 1% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 0.5% เนื่องจากมีการเปิดตัวสินค้าใหม่และออกมาทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง

การออกมาเปิดเกมรุกของเบียร์เชียร์ดังกล่าวดูเหมือนว่าจะงานไม่หนักมากเท่าไหร่แต่จากการแข่งขันของตลาดเบียร์เมนสตรีมที่รุนแรง คงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายมากนักที่คู่แข่งจะปล่อยให้มาแบ่งแชร์ 0.5%ไปได้ง่ายๆ
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 เม.ย. 2562 เวลา : 14:14:47
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 7:51 am