แบงก์-นอนแบงก์
กรุงไทยแนะทางลัดทางรอดSMEsด้วยหลากหลายตัวช่วยจากภาครัฐ


ธนาคารกรุงไทยชี้ทางออกของผู้ประกอบการSMEsที่ต้องเผชิญความท้าทายของความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี องค์ความรู้ใหม่ๆในการดำเนินธุรกิจและอำนาจในการต่อรอง ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขยายตลาด และเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยหนึ่งในทางลัดที่เป็นตัวช่วย SMEs คือ การเข้าร่วมโครงการและอาศัยความช่วยเหลือจำนวนมากจากหน่วยงานภาครัฐที่พร้อมสนับสนุนและส่งเสริม


ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงานGlobal Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าในการทำบทวิจัยเรื่อง“เปิดทางลัดSMEsด้วยตัวช่วยดีๆจากภาครัฐ” พบว่าปัญหาที่ผู้ประกอบการ SMEsไทยต้องเผชิญในปัจจุบัน คือการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนข้อเสียเปรียบจากธุรกิจที่มีขนาดเล็ก โดยอุปสรรคหลักได้แก่ ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยี ทำให้ความคาดหวังของลูกค้าซับซ้อนขึ้น การขาดประสบการณ์และความรู้ในบางมุม เช่น การเข้าสู่ตลาดออนไลน์ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงอีกทั้งการเข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก ซึ่งทำให้ SMEs ต้องการความช่วยเหลือใน 3 ด้านสำคัญ คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยตรงกับความต้องการของผู้บริโภค การเจาะตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ได้ยอดขายเพิ่มมากขึ้นและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนดอกเบี้ยไม่สูงมาก

“ที่ผ่านมาภาครัฐตระหนักถึงปัญหาของSMEsและได้ดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นตัวช่วย จึงอยากแนะนำให้ผู้ประกอบการSMEsใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้อย่างเต็มที่ โดยอาจเริ่มจากศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือSMEsของกระทรวงอุตสาหกรรม (SSRC) ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่ให้คำปรึกษาในเรื่องหลักๆ และสามารถเชื่อมโยงไปยังโครงการของหน่วยงานอื่นๆ ลดความจำเป็นที่ต้องติดตามว่าหน่วยงานใดมีทรัพยากรอะไรบ้าง หรือ One-Stop Service Center(OSS Center)ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)ที่มีบริการในลักษณะเดียวกัน โดยมีศูนย์ OSS ครอบคลุม 76 จังหวัด”

นายณัฐพร ศรีทอง หัวหน้าส่วนซึ่งร่วมทำบทวิจัยในครั้งนี้ กล่าวเสริมว่าSMEsที่ต้องการตัวช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และยกระดับการผลิตสู่มาตรฐานสากล รวมทั้งสร้างความแตกต่าง เพื่อเป็นจุดขายนั้น สามารถติดต่อศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคต (Industrial Transformation Center: ITC) เพื่อขอรับคำปรึกษาด้านการผลิตแบบครบวงจร ทั้งการวิเคราะห์ ออกแบบผลิตภัณฑ์ จัดหาผู้ผลิต บริการด้านวิศวกรรม การรับรองมาตรฐานและการทดสอบตลาด รวมถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต ส่วนกรณีต้องการบุกตลาดออนไลน์ ในยุค Platform Economy สามารถเข้าร่วมโครงการและติดต่อหน่วยงานภาครัฐ เช่น โครงการ SME Online by OSMEP ที่บ่มเพาะ SMEs จนถึงทำการตลาดจริง Platform Thaitrade.com ซึ่งเป็นช่องทางการขายสินค้าไปต่างประเทศ และ New Economy Academy (NEA) แหล่งรวบรวมความรู้และหลักสูตรอบรมต่างๆ

“จะเห็นว่าตลาดซื้อขายออนไลน์หรือe-Commerce ของไทยในปีที่ผ่านมา มีมูลค่ากว่า 3.2 ล้านล้านบาท ขยายตัว 14% โดยเฉพาะรูปแบบ B2C ครองแชมป์อันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน แต่การประสบความสำเร็จต้องมีความพร้อมหลายด้าน โดยเฉพาะการทำDigital Marketingจึงน่าจะใช้ตัวช่วยจากภาครัฐ สำหรับการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ภาครัฐมีโครงการดีๆ ทั้งการช่วยเหลือด้านหลักประกันผ่านบสย. โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เช่น สินเชื่อสำหรับ SMEs ในกลุ่ม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) สินเชื่อสำหรับการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงการวิจัยและพัฒนา (R&D) ตลอดจนสินเชื่อสำหรับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์พลังงาน”

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 07 พ.ค. 2562 เวลา : 17:53:27
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 10:09 pm