เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 60-65 เหรียญต่อบาร์เรล


ไทยออยล์คาดแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (20 - 24 พ.ค. 62)

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลางมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งจะขัดขวางเส้นทางการส่งออกน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางไปเอเชียและยุโรป ส่งผลให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบในตะวันออกกลาง รวมถึงซาอุดิอาระเบียอาจจะสามารถส่งออกน้ำมันดิบสู่ตลาดได้น้อยลง ประกอบกับปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากการกลับมาดำเนินการของโรงกลั่นในสหรัฐฯหลังช่วงปิดซ่อมบำรุงประจำปี อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากการปรับเพิ่มกำลังการผลิตจากผู้ผลิตกลุ่มโอเปก ประกอบกับความยืดเยื้อของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันดิบโลก

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
§ ปริมาณน้ำมันดิบจากภูมิภาคตะวันออกกลางมีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากเหตุการณ์ความไม่สงบนอกชายฝั่งสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ หลังสถานีส่งออกน้ำมันดิบและเรือบรรทุกน้ำมันของซาอุดิอาระเบียถูกโจมตีใกล้บริเวณช่องแคบเฮอร์มุซ (Hormuz) ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือส่งออกน้ำมันดิบที่สำคัญ โดยปริมาณน้ำมันดิบที่ส่งผ่านช่องแคบนี้คิดเป็นร้อยละ 20 ของปริมาณน้ำมันดิบทั่วโลก โดยเหตุการณ์ความไม่สงบในครั้งนี้ส่งผลให้ตลาดมีความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบโลก เนื่องจากหนึ่งในสามของปริมาณน้ำมันดิบโลกมาจากภูมิภาคตะวันออกกลาง
 
§ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯคาดปรับลดหลังกำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯปรับลงสู่ระดับ12.1บาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับอุปสงค์น้ำมันดิบในสหรัฐฯมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากกำลังการกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐฯมีแนวโน้มปรับเพิ่มอีก หลังโรงกลั่นสหรัฐฯกลับมาจากช่วงปิดซ่อมบำรุงประจำปี โดยกำลังการกลั่นน้ำมันดิบของสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับสูงขึ้นจากร้อยละ 89 สู่ระดับร้อยละ 91
 
§ การคาดการณ์ปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตรายใหญ่อย่างซาอุดิอาระเบียมีแนวโน้มจะกดดันตลาดน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง หลังซาอุดิอาระเบียประกาศพร้อมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อปรับสมดุลตลาดน้ำมันดิบ ล่าสุดสำนักงานพลังงานสากล (IEA)รายงานว่าการเพิ่มกำลังการผลิตจากผู้ผลิตกลุ่มโอเปกเพียงเล็กน้อยก็สามารถชดเชยกำลังการผลิตที่ลดลงจากเวเนซุเอลาและอิหร่านได้ เนื่องจากปริมาณน้ำมันดิบจากสหรัฐฯยังคงอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยIEAคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันดิบที่ตลาดต้องการจากกลุ่มโอเปกอยู่ที่ราว 30.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2562 และ 30.2 ล้านบาร์ต่อวัน ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 ซึ่งหากกลุ่มโอเปกเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบมากกว่าความต้องการน้ำมันดิบในโลกจะทำให้เกิดภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดได้
 
§ ตลาดน้ำมันดิบถูกกดดันจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ร้อนแรงมากขึ้น หลังสหรัฐฯ ประกาศปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่ากว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ จากระดับเดิมที่ร้อยละ 10 เป็นระดับร้อยละ 25 เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมาโดยมีผลบังคับใช้ทันที ในขณะที่จีนทำการตอบโต้โดยการเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่าราว 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ จากอัตราร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 25 เช่นกัน โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 62 ซึ่งจะต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาระหว่างสองประเทศนอกรอบการประชุม G20 ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมิ.ย. 62 นี้ ว่าปมความขัดแย้งของสองประเทศผู้นำเศรษฐกิจโลกจะคลี่คลายลงหรือไม่ โดยปัญหาสงครามยืดเยื้อจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอการเติบโตลง ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกปรับตัวลดลงด้วย
§ ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสหสรัฐฯ ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯดัชนีภาคการผลิตและบริการยูโรโซน
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 21 พ.ค. 2562 เวลา : 13:43:33
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 2:15 pm