แบงก์-นอนแบงก์
กรุงศรีเผยกลยุทธ์ธุรกิจ JPC/MNC ปี2562เน้นย้ำความเป็นผู้นำตลาดลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่น


กลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่น กรุงศรีเปิดเผยกลยุทธ์ธุรกิจปี2562มุ่งเน้นการขยายธุรกิจและบริการครบวงจรทั้งด้านเงินให้สินเชื่อ ด้านปริวรรตเงินตราและตราสารอนุพันธ์ ด้านเงินรับฝาก ด้านการค้าและธุรกรรมการเงิน และด้านความร่วมมือระหว่างกลุ่มธุรกิจ ด้วยเป้าหมายในการรักษาและตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดลูกค้าบริษัทญี่ปุ่นมุ่งสู่การเป็นธนาคารในใจของกลุ่มลูกค้าบริษัทข้ามชาติ (Japanese Corporate and Multi-National Corporate หรือ JPC/MNC) นอกจากนี้กรุงศรียังให้ความสำคัญกับการขยายโอกาสทางธุรกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor หรือ EEC) ขณะที่มูลค่าการลงทุนโดยตรง (FDI) ของนักลงทุนญี่ปุ่นในไทยมีแนวโน้มที่จะทรงตัวที่ประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้

 


 
 
นายยูโซะ นาคาดะ ประธานกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่น(JPC/MNC)ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า“กลุ่มธุรกิจ JPC/MNCได้ริเริ่มแผนกลยุทธ์ในการส่งเสริมธุรกิจ 5 ด้าน เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาด โดยกลยุทธ์หลักจะเน้นในด้านการใช้ประโยชน์จากธุรกรรมเงินให้สินเชื่อเพื่อสร้างความมั่นคงในฐานะผู้นำตลาด การขยายโอกาสการทำธุรกรรมด้านปริวรรตเงินตราและตราสารอนุพันธ์และยังคงเน้นขยายฐานเงินฝากในส่วนบัญชีเงินฝากกระแสรายวันและเงินฝากออมทรัพย์ (CASA)และเงินฝากในรูปแบบอื่นๆ ส่วนด้านการค้าและธุรกรรมการเงิน กรุงศรีมีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องและสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเพื่อให้ใช้กรุงศรีเป็นธนาคารหลักและด้านความร่วมมือระหว่างกลุ่มธุรกิจ ธนาคารมีเป้าหมายที่จะสร้างประโยชน์สูงสุดจากความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจลูกค้าธุรกิจและกลุ่มลูกค้ารายย่อย รวมทั้งการผสานพลังความแข็งแกร่งกับMUFGและธนาคารพันธมิตร นอกจากนี้ยังมีการกำหนดแนวคิดริเริ่มการพัฒนาแพลตฟอร์ม 3 ด้าน คือ ความเป็นเลิศด้านการดำเนินงาน การนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและการพัฒนาความสามารถของบุคลากร” 

“แม้ว่าปัจจัยแวดล้อมภายนอกมีความท้าทายมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านๆมา กรุงศรียังคงรักษาความเป็นผู้นำของตลาดบริษัทญี่ปุ่นในไทย ซึ่งเป็นผลจากความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าและศักยภาพในการให้บริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบและครบวงจร กรุงศรีสามารถครองความเป็นผู้นำทั้งในส่วนเงินให้สินเชื่อและเงินฝากในกลุ่มธนาคารญี่ปุ่นในไทย โดยมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักในช่วงปี 2559-2561  สำหรับในปีนี้มูลค่าการลงทุนโดยตรงของนักลงทุนญี่ปุ่นในไทย คาดว่าจะทรงตัวที่ประมาณ5พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 4.0% ขณะที่ตลาดกลุ่มบริษัทญี่ปุ่นและบริษัทข้ามชาติในไทยคาดว่าจะมีการเติบโตที่จำกัด และการแข่งขันในตลาดน่าจะเพิ่มมากขึ้นแต่กรุงศรีจะยังคงรักษาการเป็นผู้นำตลาดด้วยศักยภาพในการให้บริการและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า”นายนาคาดะกล่าว
   
ทั้งนี้จากผลสำรวจของJETROบริษัทญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจในไทยคาดว่ามีประมาณ4,500 บริษัท โดยกรุงศรีเป็นผู้ให้สินเชื่อรายใหญ่ที่สุดแก่กลุ่มธุรกิจญี่ปุ่นในไทย และประเมินว่าประมาณ 70-75%ของจำนวนบริษัทญี่ปุ่น มีบัญชีกับกรุงศรี ในปี 2561มีการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น16%จากปีก่อนหน้าและยอดเงินฝากเติบโต10% ทั้งนี้เป็นที่เข้าใจได้ว่าการผสานความแข็งแกร่งของกรุงศรีและศักยภาพเครือข่ายระดับโลกของ MUFG เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ธนาคาร ได้รับการจัดอันดับจาก TRIS Rating ล่าสุดที่ AAA

“เพื่อสนับสนุนการลงทุนของต่างชาติในไทย ทั้งจากลูกค้าบริษัทญี่ปุ่นและบริษัทข้ามชาติ กรุงศรียังคงเน้นการขยายโอกาสการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อย่างต่อเนื่อง การที่ภาครัฐให้การสนับสนุนหลายโครงการในEECจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยและดึงดูดให้นักลงทุนจากญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยกรุงศรีต้องการที่จะมีบทบาทสำคญต่อทิศทางการลงทุนดังกล่าว” นายนาคาดะกล่าวเพิ่มเติม
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 พ.ค. 2562 เวลา : 15:18:11
24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 6:45 pm