ทุกวันนี้ภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุและการสูญเสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บ ไม่รู้ว่าจะเกิดกับคุณหรือคนที่คุณรักวันไหนบ้าง
แต่คุณก็มักจะคิดเข้าข้างตัวเองหรือละเลยอุบัติเหตุเหล่านี้ว่าคงไม่เกิดขึ้นกับคุณหรือคนที่คุณรักหรือคนใกล้ตัวคุณหรอก จึงเป็นที่มาของการชะล่าใจที่จะให้ความสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงให้ตัวคุณเอง
ดังนั้นคุณต้องไม่ลืมว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน วันดีคืนดีรถก็ถูกชน ทำให้ต้องเสียค่าซ่อมหรืออยู่ๆคุณไปเที่ยวกลับมาเกิดล้มป่วยต้องนอนโรงพยาบาลจนต้องเสียเงินก้อนใหญ่ ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้แหละที่นำมาซึ่งค่าใช้จ่ายมากมายที่คาดไม่ถึง
วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นการเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้ด้วยการโอนความเสี่ยงไปยังประกันภัยให้เป็นผู้คุ้มครองคุณแทน
ทว่าหลายคนยังไม่รู้ว่าควรจะพิจารณาเลือกทำประกันอย่างไรให้เหมาะสมเพราะถ้าทำประกันไปจำนวนมากแล้วไม่เกิดประโยชน์ คุณอาจจะรู้สึกเสียดายเงิน แต่วันนี้มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯแนะนำ“3 ขั้นตอนเลือกทุนประกันชีวิตอย่างไรให้เหมาะสม”ดังนี้
ขั้นแรกคุณต้องประเมินความเสี่ยงที่คุณต้องการคุ้มครองโดยคุณต้องสำรวจดูว่ามีโอกาสเกิดความเสี่ยงอะไรขึ้นได้บ้าง และศึกษาประเภทประกันที่คุณควรทำอเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงนั้นๆตามวัตถุประสงค์ของคุณดังนี้
ประกันชีวิตเป็นการคุ้มครองความเสี่ยงในชีวิตของเราไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ การเสียชีวิตและทุพพลภาพ อุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจส่งผลกระทบชีวิตของคุณได้
ประกันภัยคุ้มครองความเสี่ยงภัยอันตรายต่างๆ เช่น ประกันอัคคีภัย ประกันรถยนต์ ประกันการขนส่ง เป็นต้น
ขั้นต่อมาคุณเลือกทุนประกันตามมูลค่าความเสี่ยงที่ต้องการคุ้มครอง โดยพิจารณาเลือกประเภทประกันที่ต้องการให้ช่วยคุ้มครองความเสี่ยงและคำนวณ ทุนประกันที่เหมาะสมกับฐานะ
ทั้งนี้เพื่อให้คุณสามารถจ่ายเบี้ยคุ้มครองได้ตลอดรอดฝั่ง วิธีการคำนวณทุนประกันง่ายๆก็แค่ดูว่าในยามปกติคุณมีรายรับรายจ่ายเท่าไหร่และหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน คุณต้องมีทุนประกันคุ้มครองเท่าไหร่เพื่อให้เพียงพอต่อการปรับตัวของครอบครัวเมื่อคุณเสียชีวิต
โดยมีแนวทางดังนี้....
พิจารณาค่าใช้จ่ายต่อเดือนของครอบครัวและประมาณการเป็นรายปี
พิจารณารายได้ที่เหลือหลังจากคุณจากไปและทรัพย์สินที่มีในแต่ละปี นำรายได้และค่าใช้จ่ายมาดูส่วนต่าง ว่าต้องการเงินเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ เพื่อคิดทุนประกัน
พิจารณาทุนประกันอย่างน้อย 3-5 เท่าของเงินที่ต้องการเพิ่มขึ้นต่อปีเพื่อให้ครอบครัวมีโอกาสตั้งตัวได้
ขั้นที่สาม คุณควรขยายความคุ้มครองเรื่องอื่นๆเมื่อมีความพร้อม เนื่องจากการทำประกันนั้นควรเริ่มจากการคุ้มครองตามความจำเป็นของตัวคุณในเรื่องสุขภาพ อุบัติเหตุ ชดเชยรายได้
จากนั้นคุณจึงค่อยขยายความคุ้มครองไปสู่ครอบครัวในเรื่องประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองคนข้างหลัง ประกันการศึกษาบุตร ตลอดจนประกันทรัพย์สินและหนี้สินของคุณ
ณ ปัจจุบันนี้ต้องถือว่าการทำประกันเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ คุณควรประเมินความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เพื่อเลือกประเภทประกันให้ถูกต้อง
หลังจากนั้นคุณควรคำนวณทุนประกันให้เหมาะสมกับความคุ้มครองที่ต้องการ ทางที่ดีคือควรทำประกันอย่างครอบคลุม ตั้งแต่ตัวคุณ ครอบครัว ทรัพย์สินและหนี้สิน
และแน่นอนว่าเมื่อคุณสามารถปิดความเสี่ยงต่างๆในชีวิตได้ก็ย่อมทำให้คุณสามารถดำรงชีวิตได้ โดยไม่ต้องห่วงปัญหาเรื่องการเงินอีกต่อไป
ข่าวเด่น