การตลาด
สกู๊ป"สหพัฒน์"ชะลอลงทุนใหญ่ลุย"โรงเรียน โรงแรม คอนโด"ประคองธุรกิจ


ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาส่งผลให้หลายธุรกิจต่างกล้าๆกลัวๆที่จะใช้งบก้อนโตในการขยายธุรกิจเช่นเดียวกับเครือสหพัฒน์ที่ออกมาประกาศว่าแผนการดำเนินธุรกิจในปี2562 นี้จะไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เกิดขึ้น เนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่สามารถมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศได้


ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นแค่เฉพาะนักลงทุนชาวไทยเท่านั้นแต่กระทบไปถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในต่างประเทศอีกด้วยจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาบรรยากาศการลงทุนขนาดใหญ่ของภาคเอกชนค่อนข้างเงียบเหงา และแม้ว่าขณะนี้ประเทศไทยจะมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศเป็นที่เรียบร้อยแต่นักธุรกิจส่วนใหญ่ก็ยังขอดูเสถียรภาพของรัฐบาลชุดใหม่ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์กล่าวว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทยังไม่มีการลงทุนใหญ่เพื่อขยายธุรกิจ เนื่องจากพันธมิตรต่างชาติต้องการรอดูนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ก่อนว่าจะเป็นอย่างไรซึ่งจากผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้บริษัทต้องปรับเป้าหมายภาพรวมรายได้ของเครือว่าจะเติบโตเหลือเพียง 2-3%เท่านั้นจากเดิมคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ5%จากปี 2561ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 3 แสนล้านบาท เพราะการตัดสินใจลงทุนจะต้องดูเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการขับรถยนต์ถ้าเหตุการณ์ดีก็จะเหยียบคันเร่งเต็มที่แต่หากเหตุการณ์ไม่ชัดเจนก็ต้องแตะเบรก

เช่นเดียวกับสถานการณ์ตอนนี้ที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ค่อยดีเมื่อมีการขับรถก็ต้องแตะเบรกอย่างเดียวก่อน ยังไม่สามารถเหยียบคันเร่งได้เพราะการทำธุรกิจมีตัวแปรค่อนข้างมากไม่ว่าจะเป็นภาวะทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ การเมืองหรือเศรษฐกิจโลก

จากปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวนายบุณยสิทธิ์ กล่าวว่าสิ่งเร่งด่วนที่อยากให้รัฐบาลใหม่ควรดำเนินการ คือการออกนโยบายหรือมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้าให้เร็วที่สุด เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวค่อนข้างมีปัญหาในด้านของกำลังซื้อ ขณะเดียวกันก็ควรหันมาดูแลค่าเงินบาทเพราะตอนนี้เงินบาทของไทยค่อนข้างแข็งค่า ซึ่งถ้าต้องการให้ภาคธุรกิจมีการขยายตัวที่ดีควรดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่มากกว่า 32 บาทขึ้นไป

อย่างไรก็ดีแม้ว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเครือสหพัฒน์จะไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เกิดขึ้นแต่สำหรับครึ่งปีหลังที่จะถึงนี้ได้มีการออกมาแย้มแผนธุรกิจไว้บ้างแล้วว่าจะมีการลงทุนในส่วนของธุรกิจโรงเรียน โรงแรมและคอนโดมิเนียม โดยในส่วนของธุรกิจโรงเรียนในปีนี้เครือสหพัฒน์จะลงทุนโรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพบนพื้นที่ 25 ไร่ ย่านพระราม 3 พื้นที่ติดกับบริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน)เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนครั้งนี้เครือสหพัฒน์ได้ร่วมมือกับโรงเรียน คิงส์คอลเลจ วิมเบิลดัน ประเทศอังกฤษในการพัฒนาโรงเรียนดังกล่าว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ในปี 2563 มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านบุคลากรให้กับประเทศไทย

นอกจากนี้เครือสหพัฒน์ยังจะลงทุนขยายธุรกิจโรงแรม โดยในงานสหกรุ๊ปแฟร์ที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมิ.ย.นี้ เครือสหพัฒน์จะเซ็นสัญญาลงทุนกลุ่มธุรกิจบริการร่วมกับกลุ่มโตคิว ญี่ปุ่นเพื่อร่วมลงทุนโรงแรม 4 - 4 ดาวครึ่ง ขนาดกว่า100 ห้อง ภายใต้งบลงทุนประมาณ1,000 ล้านบาท

เช่นเดียวกับธุรกิจคอนโดมิเนียมที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ เครือสหพัฒน์มีแผนที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมขนาดกว่า 200 ห้อง ภายใต้งบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาทที่นิคมอุตสาหกรรมสหพัฒน์ ศรีราชา เพื่อรองรับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)ที่จะมีนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศเข้าไปลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

นายบุณยสิทธิ์ กล่าวอีกว่าแนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการลงทุนในภาคการบริการมากขึ้น เนื่องจากใช้เงินลงทุนไม่มากเหมือนกับธุรกิจภาคอื่นๆแต่ขณะเดียวกันการลงทุนธุรกิจภาคบริการจำเป็นจะต้องใช้บุคลากรจำนวนมาก ซึ่งจากแผนการดำเนินงานดังกล่าวบริษัทคาดว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้จากภาคธุรกิจบริการได้มากกว่า10%อย่างแน่นอนจากปัจจุบันมีสัดส่วนไม่ถึง10%

นอกจากจะขยายการลงทุนโรงเรียน โรงแรมและคอนโดมิเนียมแล้ว ภายในงาน สหกรุ๊ปแฟร์ เครือสหพัฒน์ยังมีแผนที่จะเซ็นสัญญาร่วมกับSojostuจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นตัวกลางในการดึงบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนขยายธุรกิจในนิคมอุตสาหกรรมของเครือทั้ง 3 แห่ง คือ กบินทร์บุรี ลำพูน และแม่สอด

สำหรับงานสหกรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 23ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27-30 มิ.ย.นี้ ที่ไบเทค บางนาจะยังคงครบถ้วนทั้งสินค้าและบริการที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลรวมไปถึงวัฒนธรรมภายในงานจะมีการเจรจาการค้ากับนักลงทุน โชว์นวัตกรรมและจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษส่งฟรีถึงบ้านกว่า 1,000 คูหา พร้อมกับจับมือกระทรวงพาณิชย์ดึงร้านค้าธงฟ้าประชารัฐกว่า 30,000 ร้านทั่วประเทศมาร่วมจำหน่ายสินค้าภายในงานไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง อุปกรณ์กีฬา สินค้าแม่และเด็ก อาหารและเครื่องดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า สถาบันการศึกษา การขนส่งหรืออสังหาริมทรัพย์

นอกจากนี้ผู้ร่วมงานยังได้จะพบกับนวัตกรรมต่างๆที่นำมาเปิดตัวเป็นครั้งแรก พร้อมด้วยกิจกรรมพิเศษและการสัมมนา ที่เปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น แฟชั่นโชว์ การประกวด มินิคอนเสิร์ตและการรับสมัครงานของบริษัทในเครือสหพัฒน์ 100 ตำแหน่ง กว่า1,500 อัตรา เป็นต้น

นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัท ไอซีซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน)กล่าวว่าภายในงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 23 นอกจากจะมีสินค้าและบริการที่ครบทุกความต้องการของลูกค้าแล้วภายในงานยังมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น AI, Big Data หรือ IOT มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ผู้บริโภค เช่น การสร้าง ร้านค้าอัจฉริยะไร้พนักงาน His & Her Smart Shop ที่ได้ร่วมกับทรู คอร์ปอเรชั่น พัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี AI ซึ่งสินค้า บริการและวัฒนธรรมที่จะเป็นเส้นทางสู่อนาคตของเครือสหพัฒน์

ทั้งนี้การจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 23จะมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือการจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษตลอดทั้ง 4 วันที่ฮอลล์ 98-99 และการโชว์นวัตกรรม สินค้า บริการ จัดที่ฮอลล์ 100 เฉพาะวันที่ 27-28 มิ.ย.นี้ ซึ่งตลอดการจัดงานดังกล่าวเครือสหพัฒน์คาดการณ์ว่าจะได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 มิ.ย. 2562 เวลา : 22:32:57
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 12:10 pm